ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ท่าเทียบเรือสงขลา ยังคงมีเรือประมงเข้าออกทำการประมง และนำสินค้าขึ้นฝั่งส่งโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ และส่งออกไปต่างประเทศตามปกติ แต่เริ่มกระทบต่อผู้ค้ารายย่อย และอาชีพรับจ้างขนปลาตามท่าเทียบเรือ เนื่องจากปริมาณสัตว์น้ำมีน้อย และไม่มีงานขาดรายได้มา 2 วัน
วันนี้ (5 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานภาพรวมสถานการณ์เรือประมง และกิจการที่เกี่ยวเนื่องต่อประมงที่ จ.สงขลา ล่าสุด ยังคงมีเรือประมงเข้าออกทำการประมงตามปกติ โดยบรรยากาศที่ท่าเทียบเรือประมงใหม่ตั้งแต่ช่วงเข้า มีเรือประมงนำสินค้าสัตว์น้ำมาขึ้นท่าเทียบเรือเพื่อส่งให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ โรงงานปลาป่น เป็นหลัก รวมทั้งเรือประมงเบ็ดปลาอินทรีย์ที่กลับเข้าฝั่งเพื่อนำสินค้าปลาอินทรีย์ส่งไปยังประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงเดือนรอมฎอนปลาอินทรีย์เป็นที่นิยมบริโภคของพี่น้องมุสลิมที่ถือศีลอด ทำให้ปลาอินทรีย์มีราคาสูงขึ้นถึง กก.ละกว่า 200 บาท จากเดิม 140-150 บาท
อย่างไรก็ตาม แม้เรือประมงใน จ.สงขลา ที่ถูกกฎหมายจะยังออกทำการประมงตามปกติแต่เป็นเพียงส่วนน้อย เนื่องจากเรือส่วนใหญ่ยังจอดเทียบท่าอยู่ตามท่าเทียบเรือต่างๆ ไม่สามารถออกทำการประมงได้เพราะผิดระเบียบ และเริ่มส่งผลกระทบต่อกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่มารับปลาไปขายตามอำเภอรอบนอก หรือตามตลาดนัด เนื่องจากปริมาณสัตว์น้ำไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดขณะนี้คือ บรรดาผู้ที่มีอาชีพรับจ้างเข็นปลาตามท่าเทียบเรือซึ่งจากปกติจะมีรายได้อย่างต่ำวันละ 500 บาท แต่ต้องหยุดงานและขาดรายได้มา 2 วัน เพราะไม่มีงาน
ทั้งนี้ แม้ว่าเรือประมงกว่า 900 ลำใน จ.สงขลา จะหยุดออกเรือ แต่ในจำนวนนี้เป็นการหยุดเรือตามปกติในช่วงเดือนหงาย เช่น เรือไดหมึก เรืออวนล้อม ไม่ใช่เป็นเรือผิดกฎหมายทั้งหมด และใน จ.สงขลา มีเรืออวนลากที่มีอาชญาบัตรถูกต้อง และยังสามารถออกเรือได้ตามปกติ 226 ลำ
