พังงา - นายอำเภอตะกั่วป่า จ.พังงา นำชุดเฉพาะกิจจับกุมผู้ต้องหาขายยาเสพติดผ่านระบบไลน์ให้แก่กลุ่มวัยรุ่น และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมของกลางใบกระท่อม จำนวน 48 มัด กัญชา และอุปกรณ์เสพยาเสพติด
เมื่อเวลา 20.30 น.วานนี้ (26 มิ.ย.) ภายใต้การอำนวยการของ นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายทินกร มุสิกวัตร ปลัดจังหวัดพังงา สั่งการให้ นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า นายเจษฎา ธิติมุทา ปลัดอำเภองานป้องกัน นายอิสรินทร์ ส่งละออง ปลัดศูนย์ดำรงธรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ผู้ใหญ่บ้าน อส.อำเภอตะกั่วป่า ได้บุกจับกุมตัว นายวัฒนา พรมแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ม.3 ต.กะปง อ.กะปง จ.พังงา พร้อมด้วยของกลาง 1.พืชใบกระท่อมจำนวน 48 มัด มัดละ 18 ใบ 2.น้ำพืชกระท่อมปริมาตร 1 ลิตร 3.ยาแก้ไอ (อันตราย) ประเภทน้ำเชื่อม ยี่ห้อเอนาดริล จำนวน 1 ขวด 4.ยาแก้ไอ (อันตราย) ประเภทน้ำเชื่อม ยี่ห้อเอคลอดิลไซรับ จำนวน 1 ขวด โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 46/95 ม.3 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา
โดยเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีการลักลอบจำหน่ายใบกระท่อม เจ้าหน้าที่จึงให้สายลับติดต่อสั่งซื้อใบกระท่อมผ่านไลน์ จากนายวัฒนา จำนวนเงิน 500 บาท จากนั้นเมื่อนายวัฒนา ได้นำใบกระท่อมที่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวมาส่งมอบให้ที่หน้าบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อทำการจับกุม จากการตรวจค้นภายในบ้านพบน้ำต้มพืชกระท่อม 1 ลิตร บรรจุใส่ในขวดพลาสติกแช่ไว้ในตู้เย็นชั้นบนภายในบ้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บฉ 345 พังงา พบพืชกระท่อม จำนวน 48 มัด มัดละ 18 ใบ น้ำหนัก จำนวน 2 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในกล่องลังโฟมตั้งอยู่ตรงแค็บหลังฝั่งคนขับ และพบยาแก้ไอยี่ห้อดังกล่าว จำนวน 2 ขวด ในช่องเก็บของตรงกลางของรถกระบะ และพบเงินสด จำนวน 1,140 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายวัฒนา รับสารภาพว่าได้จำหน่ายใบกระท่อมให้กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่จริงโดยขายให้กลุ่มวันรุ่นในพื้นที่ 18 ใบ 100 บาท และได้ซื้อใบกระท่อมดังกล่าวมาจากพื้นที่อำเภอกะปง กิโลกรัมละ 1,500 บาท แล้วนำมาแบ่งเพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (พืชใบกระท่อมและน้ำต้มพืชใบกระท่อม) โดยผิดกฎหมาย และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 5 (พืชกระท่อม) โดยผิดกฎหมาย จากนั้นได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากนั้นได้บุกจับกุมตัว นายราเชน หนูทอง หรือยศ อายุ 26 ปี ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ม.5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา หลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจฝ่ายปกครองอำเภอตะกั่วป่า ได้สุ่มตรวจปัสสาวะกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ตำบลคึกคัก และได้สอบถามได้บังกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกตรวจพบสารเสพติดดังกล่าวว่า มีบุคคลต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ตำบลคึกคัก วัยรุ่นจึงให้ข้อมูลว่า นายยศ มีพฤติกรรมเสพยาเสพติดประเภทที่ 5 (กัญชา) เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบข้อมูลว่า นายยศ ได้ทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่โรงแรมดังกล่าวพบว่า นายยศ กำลังนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าโรงแรม เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อทำการตรวจค้น พบกัญชาอัดแท่งบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกห่อไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง 15 กรัม เจ้าหน้าที่จึงขอความร่วมมือ นายยศ ไปตรวจค้นที่บริเวณบ้านพักเลขที่ 167/12 บ้านน้ำเค็ม ม.2 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า
จากการตรวจสอบภายในบ้านพัก พบกัญชาอัดแท่งปริมาณ 15 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพกัญชา รวมกัญชาอัดแท่งทั้งหมด 30 กรัม จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้พาตัวมาที่อำเภอตะกั่วป่าเพื่อตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด
เจ้าหน้าที่ทราบว่าผู้ต้องหาคนที่ 1 นายราเชน จะสั่งซื้อกัญชามาจากเพื่อนในอำเภอตะกั่วป่า และจะนำมาเสพเอง พร้อมทั้งขายให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนย่านเขาหลักเป็นประจำ ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ ส่วนผู้ต้องหาคนที่ 2.นายวัฒนา ได้รับซื้อพืชใบกระท่อมมาจาก อ.กะปง ในกิโลกรัมละ 1,500 บาท และจะนำมาแบ่งขายมัดละ 100 บาท จำนวน 18 ใบ โดยจะติดต่อผ่านระบบไลน์ โทรศัพท์ ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังนิยมต้มพืชใบกระท่อมสี่คูณร้อยดื่มกินเป็นเวลานาน ทางเจ้าที่ชุดปกครองตะกั่วป่าจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาลงบันทึกพร้อมแจ้งของกล่าวหาว่าครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขาหลัก ดำเนินคดีต่อไป
ทางด้าน นายมานิต เพียรทอง กล่าวว่า สืบเนื่องจากขณะนี้มีชาวบ้านได้ร้องเรียนปัญหาการระบาดของยาเสพติดพืชใบกระท่อมสี่คูณร้อย ไปยังศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดพังงา และอำเภอตะกั่วป่า ว่า ขณะนี้มีกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมนำมานำใบกระท่อมผสมกับยาแก้ไอมาต้มกินกันเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่อายุยังน้อย ดังนั้น ในวันต่อต้านยาเสพติดโลก มีหลายหน่วยงานที่จัดกิจกรรมเดินรณรงค์ต้านยาเสพติด เพื่อให้ประชาชน ชุมชน เยาวชน และหน่วยงานต่างๆ เล็งเห็นความสำคัญในการร่วมมือของการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง และตลอดไป ทางอำเภอตะกั่วป่า จึงได้มีมาตรการป้องกันปราบปรามปัญหายาเสพติดมาโดยตลอด ทั้งการซุ่มตรวจผู้เสพยาเสพติด และผู้ค้ายาเสพติดเข้าสู่การบำบัดและดำเนินคดีตามกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่มุ่งเน้นปราบปราม สกัดกั้น การแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชน การจัดระเบียบสังคม การนำผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาต่อไป