กระบี่ - เวที สนช.รับฟังความคิดเห็นสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ภาครัฐรูดซิปปาก ปชช.ยำเละไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และทำลายบรรยากาศท่องเที่ยว พร้อมระบุคนกระบี่ไม่เคยปฏิเสธโรงไฟฟ้า แต่ขอโรงไฟฟ้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ถ่านหิน
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมพนมเบญจา ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนต่อการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ โดยมี พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานอนุกรรมการพลังงาน นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนภาคเอกชนเข้าร่วม
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า การลงมาเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาชนจังหวัดกระบี่ ในประเด็นปัญหาต่างๆ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาชน เพื่อให้ได้ข้อยุตินำเสนอรัฐบาลในการประกอบการพิจารณาตัดสินใจสร้างหรือไม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ซึ่งคณะของตนยืนยันว่า ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงขอให้ผู้ที่เข้าร่วมเวทีเสนอความคิดเห็น และข้อเสนอแนะได้อย่างเต็มที่
ด้าน พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานอนุกรรมการพลังงาน กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามการเคลื่อนไหวค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ ด้วยพลังงานถ่านหินมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นโครงการของรัฐแต่ถูกคัดค้าน ในฐานะที่เป็นตัวกลางระหว่างรัฐบาล และประชาชน จึงได้ลงพื้นที่พร้อมเปิดเวทีให้มีการแสดงความคิดรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะถึงพื้นที่ โดยช่วงเช้ารับฟังความคิดเห็นจากภาคราชการ และช่วงบ่ายรับฟังความเห็นจากภาคประชาชน สำหรับข้อมูลเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อการสร้างโรงไฟฟ้า ตนมีข้อมูลอยู่บ้างแล้ว แต่อยากมาฟังด้วยตัวเองจากคนในพื้นที่
ขณะที่ นายเปล่งยศ สกลกิติวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับการโรงไฟฟ้าชาวจังหวัดกระบี่ ไม่เคยปฏิเสธ แต่จะต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยั่งยืน ซึ่งการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลด้วยการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น และเมื่อหันมามองต่อสภาพพื้นที่ของจังหวัดกระบี่ และฝั่งอันดามัน รายได้หลักมาจากภาคการท่องเที่ยว และเกษตรกรรม การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจึงสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า เฉพาะจังหวัดกระบี่จังหวัดเดียวมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวกว่า 6 หมื่นล้านบาท/ปี และเมื่อรวมกับฝั่งอันดามัน อีก 3 จังหวัด มีรายได้รวมกว่า 3 แสนล้านบาท เชื่อว่าเมื่อรัฐบาลสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวฝั่งอันดามันก็จะไม่มาอีก ซึ่งเท่ากับว่าจะทำให้ประเทศสูญเสียรายได้มหาศาล
ด้าน นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินไปสร้างที่ไหนก็ถูกคัดค้าน โดยเฉพาะภาคใต้ เนื่องจากความไม่เหมาะสมของพื้นที่ และที่สำคัญไม่ยั่งยืน แต่ทางรัฐบาลเองก็ยังพยายามผลักดันที่จะสร้างโดยไม่ได้มอง หรือศึกษาพลังงานทดแทนอื่นๆ ที่ยั่งยืน และไม่ต้องพึ่งพาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยใบโอดีเซล แต่ก็ไม่มีใครคิด หรือลงมือทำอย่างจริงจัง ตนและชาวกระบี่ไม่เคยปฏิเสธโรงไฟฟ้า แต่ขอให้เป็นใบโอดีเซล ไม่ใช่ถ่านหิน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับเวทีของภาคราชการในช่วงเช้า ไม่มีหน่วยงาน หรือบุคคลใดจากภาครัฐแสดงความคิดเห็นแม้แต่คนเดียว โดยมีเพียง นายจักรพันธ์ ชูแก้ว พลังงานจังหวัดกระบี่ ที่รายงานข้อมูล และความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ให้ทาง สนช.รับทราบเท่านั้น ส่วนของภาคประชาชนได้มีการนำเสนอแนวคิดในการสร้างโรงไฟฟ้า และพลังงานทางเลือกกันอย่างกว้างขวาง
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมพนมเบญจา ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนต่อการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ โดยมี พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานอนุกรรมการพลังงาน นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนภาคเอกชนเข้าร่วม
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า การลงมาเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาชนจังหวัดกระบี่ ในประเด็นปัญหาต่างๆ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาชน เพื่อให้ได้ข้อยุตินำเสนอรัฐบาลในการประกอบการพิจารณาตัดสินใจสร้างหรือไม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ซึ่งคณะของตนยืนยันว่า ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงขอให้ผู้ที่เข้าร่วมเวทีเสนอความคิดเห็น และข้อเสนอแนะได้อย่างเต็มที่
ด้าน พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานอนุกรรมการพลังงาน กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามการเคลื่อนไหวค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ ด้วยพลังงานถ่านหินมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นโครงการของรัฐแต่ถูกคัดค้าน ในฐานะที่เป็นตัวกลางระหว่างรัฐบาล และประชาชน จึงได้ลงพื้นที่พร้อมเปิดเวทีให้มีการแสดงความคิดรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะถึงพื้นที่ โดยช่วงเช้ารับฟังความคิดเห็นจากภาคราชการ และช่วงบ่ายรับฟังความเห็นจากภาคประชาชน สำหรับข้อมูลเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อการสร้างโรงไฟฟ้า ตนมีข้อมูลอยู่บ้างแล้ว แต่อยากมาฟังด้วยตัวเองจากคนในพื้นที่
ขณะที่ นายเปล่งยศ สกลกิติวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับการโรงไฟฟ้าชาวจังหวัดกระบี่ ไม่เคยปฏิเสธ แต่จะต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยั่งยืน ซึ่งการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลด้วยการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น และเมื่อหันมามองต่อสภาพพื้นที่ของจังหวัดกระบี่ และฝั่งอันดามัน รายได้หลักมาจากภาคการท่องเที่ยว และเกษตรกรรม การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจึงสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า เฉพาะจังหวัดกระบี่จังหวัดเดียวมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวกว่า 6 หมื่นล้านบาท/ปี และเมื่อรวมกับฝั่งอันดามัน อีก 3 จังหวัด มีรายได้รวมกว่า 3 แสนล้านบาท เชื่อว่าเมื่อรัฐบาลสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวฝั่งอันดามันก็จะไม่มาอีก ซึ่งเท่ากับว่าจะทำให้ประเทศสูญเสียรายได้มหาศาล
ด้าน นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินไปสร้างที่ไหนก็ถูกคัดค้าน โดยเฉพาะภาคใต้ เนื่องจากความไม่เหมาะสมของพื้นที่ และที่สำคัญไม่ยั่งยืน แต่ทางรัฐบาลเองก็ยังพยายามผลักดันที่จะสร้างโดยไม่ได้มอง หรือศึกษาพลังงานทดแทนอื่นๆ ที่ยั่งยืน และไม่ต้องพึ่งพาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยใบโอดีเซล แต่ก็ไม่มีใครคิด หรือลงมือทำอย่างจริงจัง ตนและชาวกระบี่ไม่เคยปฏิเสธโรงไฟฟ้า แต่ขอให้เป็นใบโอดีเซล ไม่ใช่ถ่านหิน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับเวทีของภาคราชการในช่วงเช้า ไม่มีหน่วยงาน หรือบุคคลใดจากภาครัฐแสดงความคิดเห็นแม้แต่คนเดียว โดยมีเพียง นายจักรพันธ์ ชูแก้ว พลังงานจังหวัดกระบี่ ที่รายงานข้อมูล และความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ให้ทาง สนช.รับทราบเท่านั้น ส่วนของภาคประชาชนได้มีการนำเสนอแนวคิดในการสร้างโรงไฟฟ้า และพลังงานทางเลือกกันอย่างกว้างขวาง
