ยะลา - พายุฝนพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับความเสียหายหลายสิบหลังคาเรือน เทศบาลยุโป อ.เมืองยะลา เร่งตรวจสอบความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
วันนี้ (28 พ.ค.) นายณภัทร สิงห์มณี ปลัดอำเภอเมืองยะลา พร้อมด้วย นายวิสุทธิ์ หัวเพ็ชร ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ได้เข้าตรวจสอบความเสียหายของบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ ม.1 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา หลังจากที่เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 16.00 น. ได้เกิดลมพายุฤดูฝนพัดเข้าถล่มหมู่บ้านในบริเวณดังกล่าว จนทำให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายหลายสิบหลังคาเรือน
ซึ่งส่วนใหญ่ลมพายุได้พัดเอาหลังคากระเบื้องปลิวไปตามแรงลม ทำให้หลังคากระเบื้องแตก ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ยังมีส่วนผลไม้ สวนยางพาราในพื้นที่ใกล้เคียงถูกแรงลมกระโชกแรงล้มระเนระนาด ได้รับความเสียหายเช่นกัน โดยภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ทหารจากกองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 ได้เข้าช่วยเหลือชาวบ้านเคลื่อนย้ายสิ่งของหนีลมพายุเพื่อความปลอดภัย โดยในเช้าวันนี้ ได้จัดหน่วยกำลังเข้าตรวจสอบความเสียหาย เพื่อประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ให้ความช่วยเหลือแก่ชาวบ้าน
ขณะที่การสำรวจความเสียหายบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว เช่นบ้านของ นางอ่ำ สุพงษ์ อายุ 84 ปี เลขที่ 78 ม.1 ต.ยุโป ซึ่งเสียหายจากพายุพัดถล่มหลังคาบ้าน กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุอยู่ภายในบ้านเพียงลำพัง มีลมกระโชกแรงพัดเข้าตัวบ้านเหมือนบ้านจะพังถล่ม ตนเองยืนกอดเสาอยู่หน้าบ้านด้วยความตกใจกลัว และไม่กล้าออกไปไหน เพราะกลัวแรงลมที่กระหน่ำพัดเข้ามาต่อเนื่องนานกว่า 10 นาที หลังจากนั้น จึงได้สำรวจความเสียหาย พบว่า บริเวณชั้น 2 ของบ้าน ถูกลมพัดกระเบื้องมุงหลังคาได้รับความเสียหาย เช่นเดียวกับบ้านหลังอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่โชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
โดยในเช้าวันนี้ ทางเทศบาลตำบลยุโป อ.เมืองยะลา ได้ให้เจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะรับลงทะเบียนสำรวจความเสียหายจากชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งมีชาวบ้านเดินทางมาเขียนคำร้องแจ้งความเสียหายต่อบ้านเรือนจำนวนหลายสิบหลัง ทางด้าน นายณภัทร สิงห์มณี ปลัด อ.เมืองยะลา ผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่ ต.ยุโป กล่าวว่า ในเบื้องต้น ได้ประสานกับผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน ให้เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากเหตุภัยพิบัติดังกล่าวแล้ว เพื่อจะดำเนินการรายงานไปยังจังหวัด และเร่งให้การช่วยเหลือ และประเมินค่าเสียหายเป็นการเบื้องต้นก่อน โดยในเบื้องต้นนั้น มีประชาชนประสบภัยพิบัติ และได้รับความเดือดร้อนทั้งตัวบ้านเรือน และสวนผลไม้ สวนยางพารา ไม่ต่ำกว่า 50 หลังคาเรือน
