ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวไทยใหม่ บ้านราไวย์ จ.ภูเก็ต รวมตัวบุกศาลากลางขอกำลังเจ้าหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัย อ้างถูกกลุ่มชายฉกรรจ์เข้าพื้นที่ปิดทางเข้าสาธารณะที่ใช้มากว่า 100 ปี และมีการข่มขู่ชาวบ้าน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (15 พ.ค.) นายสนิท แซ่ซั่ว ตัวแทนกลุ่มชาวไทยใหม่ บ้านราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยชาวไทยใหม่บ้านราไวย์กว่า 150 คน เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยอ้างว่า ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งเข้าไปปิดทางเข้า-ออกพื้นที่สาธารณประโยชน์ ซึ่งชาวบ้านใช้กันมานานกว่า 100 ปี และมีการข่มขู่ชาวบ้านด้วย โดยมี นายสุพจน์ ชนะกิจ นายอำเภอเมืองภูเก็ต พ.อ.จิตติ มณี สัสดีจังหวัดภูเก็ต นายประพันธ์ ขันพระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ร่วมรับเรื่องร้องเรียน
นายสนิท แซ่ซั่ว ตัวแทนชาวไทยใหม่บ้านราไวย์ กล่าวว่า การเดินทางมายังศาลากลางจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีเอกชนอ้างสิทธิในที่ดินบริเวณหาดราไวย์ต้องการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว โดยในเบื้องต้น ได้มีการปรับไถพื้นที่ และในวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา ทางเอกชนรายดังกล่าวได้นำทีมคนงาน และกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาในพื้นที่เพื่อปิดทางสาธารณประโยชน์ ที่ชาวไทยใหม่บ้านราไวย์เคยใช้ร่วมกันมานานกว่า 100 ปี และเพื่อใช้เป็นทางผ่านไปประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน และไปพื้นที่ประกอบพิธีกรรม (บาลัย) ชาวไทยใหม่บ้านราไวย์จึงได้รวมตัวกันเพื่อออกมาปกป้องพื้นที่ดังกล่าว
เนื่องจากเห็นว่าเป็นพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนใช้ร่วมกัน จึงได้เกิดการกระทบกระทั่งต่อกลุ่มชายฉกรรจ์ และมีการข่มขู่จะทำร้ายแกนนำ ชาวบ้านจึงรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัย จึงเดินทางมาศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบพื้นที่สาธารณะชายหาดราไวย์และพื้นที่ประกอบพิธีกรรม (บาลัย) ให้มีการดำเนินการตามมติ ครม. มิ.ย.2553 เรื่องการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล และขอให้ทางทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัยแกนนำชุมชน และคุ้มครองพื้นที่เป็นการชั่วคราว
ด้าน นายสุพจน์ ชนะกิจ นายอำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนว่า เบื้องต้นจ ะส่งกำลังเจ้าหน้าที่ อส.เข้าไปดูแลความปลอดภัยก่อน พร้อมทั้งจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจเข้าไปร่วมดูแลพื้นที่ด้วย ส่วนเรื่องการตรวจสอบพื้นที่สาธารณะนั้นก็จะมีการดำเนินการแต่ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม หลังทางนายอำเภอเมืองภูเก็ตรับปากจะเข้าดูแลดำเนินการตามคำร้องขอทางกลุ่มชาวเลรู้สึกพอใจ และแยกย้ายกลับกันในที่สุด