ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่ยังกันพื้นที่กุโบร์บ้านฉลุง ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังพบหลุมศพ 30 หลุม ไว้เป็นพื้นที่หวงห้าม รอหารือต่อทางสำนักจุฬาราชมนตรีว่าจะดำเนินการอย่างไร ขณะที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ปาดังเบซาร์ติดตามจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ยังคงออกลาดตระเวนบริเวณเขาแก้ว เพื่อติดตามชาวโรฮิงญาที่ถูกลอยแพ ด้านรองนายกเทศมนตรีตำบลปาดังเบซาร์ได้ถูกนำตัวไปฝากขังแล้ว
ความคืบหน้าหลังจากเจ้าหน้าที่พบกุโบร์ หรือสุสานฝังศพชาวมุสลิมในพื้นที่บ้านฉลุง หมู่ 7 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 30 หลุม ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นสุสานฝังศพชาวโรฮิงญา เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเคยถูกใช้เป็นสถานที่พักพิงชาวโรฮิงญาแหล่งใหญ่ของ จ.สงขลา
ล่าสุด ในวันนี้ (8 พ.ค.) กำลังเจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 ยังคงตรึงกำลังบริเวณกุโบร์ซึ่งได้กันเป็นพื้นที่หวงห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในกุโบร์ เพื่อรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจพิสูจน์ และเก็บหลักฐาน โดยทางตำรวจจะหารือกับตัวแทนสำนักจุฬาราชมนตรีอีกครั้งหนึ่งว่า จะดำเนินการอย่างไร จะขุดหลุมศพขึ้นมาพิสูจน์ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนยังคงออกลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณเขาแก้ว เขตรอยต่อ จ.สงขลากับ จ.สตูล เพื่อตามหาชาวโรงฮิงญาอีก 17 คน ที่คาดว่ายังพลัดหลงอยู่ในป่า หลังจากที่เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือออกมาได้แล้ว 33 คน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ทาง พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา เพื่อติดตามผู้ต้องหารายสำคัญซึ่งจะมีการเปิดแถลงในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ส่วนนายประสิทธิ์ เหล็มเหล๊ะ รองนายกเทศมนตรีตำบลปาดังเบซาร์ ที่ได้เข้ามอบตัวเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปฝากขังที่ศาล จ.นาทวีแล้ว เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ สำหรับคดีนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งหมด 18 คน จับกุมได้แล้ว 6 คน