สตูล - ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มเส้นทางผ่านโรฮิงญา ยืนยันแค้มป์โรฮิงญาที่พบในพื้นที่ไม่มีหลุมฝังศพแน่นอน ขณะที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเงียบเหงา หลังนายตำรวจถูกย้ายเซ่นคดีโรฮิงญา 26 ศพ
วันนี้ (5 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า จังหวัดสตูลถือเป็นเส้นทางผ่านของโรฮิงญาเพื่อไปยังประเทศที่ 3 หรือพื้นที่อื่น โดยส่วนใหญ่แล้วโรฮิงญาที่จะเข้ามาในพื้นที่ จ.สตูล นั้นจะเดินทางมาทางเรือ เพื่อขอเติมน้ำมัน แล้วเดินทางต่อไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งหากเจ้าหน้าที่พบเห็นก็จะเข้าทำการจับกุมเพื่อส่งกลับ หรือผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
และตลอดมา ทางจังหวัดสตูล ได้มีประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์มาโดยต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการค้ามนุษย์เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สตูล โดยเฉพาะข้าราชการที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันต่อการค้ามนุษย์ หรือพวกโรฮิงญานั้น ถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตนเองก็จะสั่งการให้มีการระดมทุกหน่วยงานร่วมกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ไม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สตูล
ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่เคยมีการจับกุมโรฮิงญาที่ จ.สตูล นั้น โดยเฉพาะพื้นที่อุทยานฯ ตะรุเตานั้น ตนเองได้มีการสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ หรือแคมป์ดังกล่าว แต่ไม่พบว่ามีการฝังศพของโรงฮิงญาอยู่ในพื้นที่แห่งนั้น โดยจังหวัดสตูล ก่อนหน้านี้พบแคมป์ที่อยู่โรงฮิงญา 2 แห่ง ที่บนเกาะในอุทยานแห่งตะรุเตา และพื้นที่บริเวณใกล้เขตประเทศมาเลเซีย ของ ต.เกาะปูยู อ.เมือง จ.สตูล และไม่มีหลุมฝังศพแน่นอน
ขณะที่บรรยากาศที่สำนักงานกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเดินทางมาทำงานเป็นปกติ และบรรยากาศหน้าห้องทำงานของ พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล ยังคงเงียบเหงา มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าห้องที่ทำงานรับหนังสือเข้าออก โดยรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล หลายฝ่ายคงทำหน้าที่เป็นปกติ
และเมื่อวานนี้ ด้าน พ.ต.ท.จักรพันธ์ คงแก้ว รอง ผกก.สส.ภ.จว.สตูล นำกำลัง 30 นายร่วมเดินเท้าขึ้นเขาบริเวณแนวรอยต่อระหว่างประเทศไทย บริเวณเขตชายแดนวังประจัน ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ติดกับประเทศมาเลเซีย ที่เคยมีกลุ่มโรฮิงญาหลบซ่อน บนเนินเขา เมื่อขึ้นไปตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด โดยการทำงานในครั้งนี้เป็นภารกิจเร่งด่วนในการตรวจสอบการหลบซ่อนของกลุ่มโรฮิงญา ซึ่งจังหวัดสตูล เป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มโรฮิงญาเดินทางเข้ามาบ่อยครั้ง และเป็นเส้นทางผ่านด้วยในครั้งนี้