นราธิวาส - เกิดเหตุไฟไหม้ป่า 2 จุด ในพื้นที่สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ช่วยกันระดมฉีดน้ำสกัดกั้นต้นเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้ เผยจุดที่ 2 ยังไม่พบเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปดับไฟที่กำลังไหม้ป่าแต่อย่างใด
วันนี้ (24 มี.ค.) สำหรับผลพวงของภัยแล้งจากพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่หนึ่งซึ่งเกิดไฟไหม้ป่าบ่อยครั้งในรอบเดือนที่ผ่านร่วม 10 ครั้ง ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. ทีมข่าวได้ใช้พารามอเตอร์บินสำรวจกลุ่มหมอกควันสีขาวที่ลอยฟุ้งเต็มบรรยากาศบนท้องฟ้า และปกคลุมพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก พบว่า มีเหตุไฟไหม้ป่า 2 จุด คือ จุดที่ 1 ที่บริเวณป่ารกทึบของชาวบ้าน ซึ่งมีลักษณะพื้นที่เป็นป่าพรุ ตั้งอยู่บ้านซรายอ ม.1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก ที่มีต้นเสม็ด และต้นมะฮังขึ้นหนาทึบ จุดที่ 2 บริเวณป่ารกทึบของชาวบ้านซึ่งตั้งอยู่เขตรอยต่อระหว่าง อ.สุไหงโก-ลก กับสุไหงปาดี ช่วงบริเวณ ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส
จากการมองด้วยสายตาในมุมสูงจุดไฟไหม้ป่าทั้ง 2 จุด ห่างกันประมาณ 8-9 กิโลเมตร แต่จุดที่ไฟไหม้ป่า และอยู่ในสภาวะวิกฤตคือ บริเวณป่าบ้านซรายอ ส่วนที่ ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี มีสภาพไฟไหม้ป่าไม่รุนแรงมากนัก ต่อมา ทีมข่าวได้ส่งตรวจสอบภาคพื้นดิน และเดินทางไปที่จุดไฟไหม้ป่าบริเวณบ้านซรายอ พบว่า เปลวไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง หญ้าแห้งบนผิวดินที่รุนแรง และขยายวงกว้าง โดยมี ส.อ.บุญรุ่ง ชิวปรีชา เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายกิจการพลเรือน ฉก.นราธิวาส 36 และกำลังพลส่วนหนึ่ง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน อ.สุไหงโก-ลก รวมทั้งหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลปาเสมัส ช่วยกันระดมฉีดน้ำสกัดกั้นต้นเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งได้ช่วยกันสูบน้ำจากร่องน้ำในหมู่บ้านเพื่อระบายน้ำเข้าพื้นที่จุดไฟไหม้ ในการสร้างความชื้นให้แก่ผิวดิน เพื่อง่ายต่อการดับไฟพื้นที่ป่าซึ่งมีลักษณะเป็นป่าพรุ ส่วนจุดที่ 2 ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปดับไฟที่กำลังไหม้ป่าแต่อย่างใด
