ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ภูเก็ตพบแนวปะการังน้ำตื้นงอกใหม่ อุทยานสิรินาถ ร่วมศูนย์นวัตกรรมฯ วางทุ่นห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปเล่นน้ำ รวมทั้งห้ามจอดเรือพื้นที่กว่า 10 ไร่ หวั่นทำปะการังที่กำลังฟื้นตัวได้รับความเสียหาย
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติฯ ภูเก็ต สำรวจพบว่า บริเวณเกาะปลิง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่ทำการอุยานแห่งชาติสิรินาถ (ภูเก็ต) หรือหาดในยาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มีแนวปะการังน้ำตื้นเกิดใหม่ และฟื้นตัวกลับมาสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง และเพื่อป้องกันไม่ให้แนวปะการังเสื่อมโทรม ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติฯ ภูเก็ต นำทุ่นลงไปวางเป็นแนวเพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำ รวมถึงเรือประมง และเรืออื่นๆ ไม่ให้จอด หรือแล่นผ่านบริเวณดังกล่าว โดยมีการวางทุ่นเป็นบริเวณกว้างกว่า 10 ไร่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเนรมิต สงแสง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ กล่าวว่า หลังจากที่ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติฯ ภูเก็ต เข้าไปสำรวจพบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่ปะการังน้ำตื้นงอกใหม่สมบูรณ์ เลยต้องหามาตรการในการป้องกันไม่ให้แนวปะการังได้รับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ ในเบื้องต้น จึงใช้มาตรการเร่งด่วนคือ นำทุ่นไปวางกั้นบริเวณที่เป็นจุดเกิดปะการังในพื้นที่รัศมีกว้างประมาณ 10 ไร่ ห้ามมีการเข้าไปเล่นน้ำ ขับเรือผ่านนำเรือมาจอด หรือเดินเข้าไปบริเวณนั้นในช่วงน้ำลง ทั้งนี้ เพื่อให้ปะการังเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์เต็มที่
ส่วนในระยะยาว ทางอุทยาสิรินาถได้ของบประมาณไปยังกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อขอสนับสนุนเพิ่มกำลังพลในการใช้ลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบทั้งทางบก และทางน้ำ ซึ่งกำลังพลกลุ่มนี้จะต้องดูแลบริเวณพื้นที่ของปะการังงอกใหม่เป็นพิเศษ พร้อมทั้งขอให้ทางกรมอุทยานฯ ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสำรวจกำหนดจุด และรูปแบบการวางทุ่นจอดเรือซึ่งเป็นทุ่นขนาดใหญ่เพื่ออนุรักษ์แนวปะการังอย่างถาวร ในอนาคตเมื่อปะการังเหล่านี้แข็งแรงเติบโตเต็มที่ก็จะใช้เป็นจุดดำน้ำชมปะการังเพื่อถ่ายเทนักท่องเที่ยวที่แออัดมาจากจุดอื่นๆ ทั้งในพื้นที่ภูเก็ต และใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางอุทยานสิรินาถได้มีการทำป้ายห้ามเข้า ยืน เดินบนแนวปะการังแล้ว พร้อมจัดชุดสายตรวจอุทยานฯ และขอความร่วมมือชุด life guard ชายหาด ตรวจตราห้ามปรามผู้ฝ่าฝืนอย่างต่อเนื่อง เพราะพบว่าเวลาประมาณ 15.00-18.30 น. เป็นช่วงที่น้ำลงจนเห็นแนวปะการังงอกใหม่นักท่องเที่ยวมักลงไปเดินบริเวณนั้นจึงต้องมีการดูแลอย่างต่อเนื่องจนวันนี้ได้มีการวางทุ่นกันแนวเขตซึ่งเป็นทุ่นขนาดเล็กไปก่อน
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติฯ ภูเก็ต สำรวจพบว่า บริเวณเกาะปลิง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่ทำการอุยานแห่งชาติสิรินาถ (ภูเก็ต) หรือหาดในยาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มีแนวปะการังน้ำตื้นเกิดใหม่ และฟื้นตัวกลับมาสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง และเพื่อป้องกันไม่ให้แนวปะการังเสื่อมโทรม ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติฯ ภูเก็ต นำทุ่นลงไปวางเป็นแนวเพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำ รวมถึงเรือประมง และเรืออื่นๆ ไม่ให้จอด หรือแล่นผ่านบริเวณดังกล่าว โดยมีการวางทุ่นเป็นบริเวณกว้างกว่า 10 ไร่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเนรมิต สงแสง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ กล่าวว่า หลังจากที่ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติฯ ภูเก็ต เข้าไปสำรวจพบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่ปะการังน้ำตื้นงอกใหม่สมบูรณ์ เลยต้องหามาตรการในการป้องกันไม่ให้แนวปะการังได้รับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ ในเบื้องต้น จึงใช้มาตรการเร่งด่วนคือ นำทุ่นไปวางกั้นบริเวณที่เป็นจุดเกิดปะการังในพื้นที่รัศมีกว้างประมาณ 10 ไร่ ห้ามมีการเข้าไปเล่นน้ำ ขับเรือผ่านนำเรือมาจอด หรือเดินเข้าไปบริเวณนั้นในช่วงน้ำลง ทั้งนี้ เพื่อให้ปะการังเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์เต็มที่
ส่วนในระยะยาว ทางอุทยาสิรินาถได้ของบประมาณไปยังกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อขอสนับสนุนเพิ่มกำลังพลในการใช้ลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบทั้งทางบก และทางน้ำ ซึ่งกำลังพลกลุ่มนี้จะต้องดูแลบริเวณพื้นที่ของปะการังงอกใหม่เป็นพิเศษ พร้อมทั้งขอให้ทางกรมอุทยานฯ ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสำรวจกำหนดจุด และรูปแบบการวางทุ่นจอดเรือซึ่งเป็นทุ่นขนาดใหญ่เพื่ออนุรักษ์แนวปะการังอย่างถาวร ในอนาคตเมื่อปะการังเหล่านี้แข็งแรงเติบโตเต็มที่ก็จะใช้เป็นจุดดำน้ำชมปะการังเพื่อถ่ายเทนักท่องเที่ยวที่แออัดมาจากจุดอื่นๆ ทั้งในพื้นที่ภูเก็ต และใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางอุทยานสิรินาถได้มีการทำป้ายห้ามเข้า ยืน เดินบนแนวปะการังแล้ว พร้อมจัดชุดสายตรวจอุทยานฯ และขอความร่วมมือชุด life guard ชายหาด ตรวจตราห้ามปรามผู้ฝ่าฝืนอย่างต่อเนื่อง เพราะพบว่าเวลาประมาณ 15.00-18.30 น. เป็นช่วงที่น้ำลงจนเห็นแนวปะการังงอกใหม่นักท่องเที่ยวมักลงไปเดินบริเวณนั้นจึงต้องมีการดูแลอย่างต่อเนื่องจนวันนี้ได้มีการวางทุ่นกันแนวเขตซึ่งเป็นทุ่นขนาดเล็กไปก่อน