พังงา - ผู้ว่าฯ พังงา ลงพื้นที่สำรวจร้านอาหาร โรงแรมปล่อยน้ำเสียไหลลงทะเล พร้อมสั่งให้ทางเทศบาลตำบลคึกคัก เร่งน้ำน้ำจุลินทรีย์ลงทำความสะอาดในเบื้องต้น และสั่งเอาผิดทางกฎหมายต่อผู้ที่ลักลอบปล่อยน้ำเสีย และขยะลงที่สาธารณะพร้อมดำเนินทางกฎหมายต่อผู้ฝ่าฝืนอย่างจริงจัง
วันนี้ (22 มี.ค.) นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายสวัสดิ์ ตันเก่น นายกเทศบาลตำบลคึกคัก นายสิริธร บัวแก้ว รองนายกเทศบาลตำบลคึกคัก นายธินิวรรตน์ ไชยรัตน์ธนโชค ปลัดเทศบาลตำบลคึกคัก นายจำรัส หลีเจี้ย กำนันตำบลคึกคัก และ น.ส.จิตติมา คงพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ หมู่ 7 บ้านบางหลาโอน ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีร้านอาหาร โรงแรม และบ้านเรือนประชาชนปล่อยน้ำเสียลงคลองก่อนระบายลงสู่ทะเลระยะทางกว่า 300 เมตร ทำให้มีน้ำสีดำและส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วแหล่งท่องเที่ยวย่านเขาหลัก จนสร้างความเดือดร้อนให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนเป็นอย่างมาก
จากที่ทางจังหวัดลงมาดูปัญหายังพบว่า มีร้านอาหารบางรายยังคงปล่อยน้ำเสีย และทิ้งขยะลงบริเวณคลองบางหลาโอน กันเป็นจำนวนวนมาก ซึ่งสร้างความสกปรกเป็นอย่างมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้ ทางเทศบาลตำบลคึกคัก มีการพูดคุยกับผู้ประกอบที่อาศัยอยู่ตลอดลำคลองแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่ ยังมีผู้ประกอบการปล่อยน้ำเสียลงคลองอย่างต่อเนื่อง
นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า เรื่องการปล่อยน้ำเสียลงคลองสาธารณะเป็นปัญหาหลักที่ทางจังหวัดให้ความสำคัญ เนื่องจากพื้นที่เขาหลักเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากความเจริญเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวทำให้มีการก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทั้งร้านอาหาร โรงแรม กันเป็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางรายก็ได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคาร แต่ก็ยังมีบางส่วนที่สร้างรุกล้ำที่สาธารณะ และมีการปล่อยน้ำเสียโดยไม่มีการบำบัดลงสู่ล้ำคลองไหลลงทะเล
โดยทางจังหวัดได้สั่งให้ทางอำเภอตะกั่วป่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลคึกคัก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในเบื้องต้นนี้ได้ใช้สารจุลินทรีย์ชีวภาพบำบัดน้ำเสียให้มีน้ำมีคุณภาพดีขึ้น และให้ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลคึกคัก จัดชุดสำรวจประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร และโรงแรมดำเนินการอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งใช้กฎหมาย และเทศบัญญัติบังคับแบบถูกต้อง จากการลงมาดูพื้นที่ยังพบว่า มีการปล่อยน้ำเสีย และทิ้งขยะลงสู่ลำคลองสาธารณะ
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นในแหล่องท่องเที่ยว พร้อมจะประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไปอีกด้วย และที่สำคัญในส่วนขอคนที่ลักลอบปล่อยน้ำเสียจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดต่อไป
วันนี้ (22 มี.ค.) นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายสวัสดิ์ ตันเก่น นายกเทศบาลตำบลคึกคัก นายสิริธร บัวแก้ว รองนายกเทศบาลตำบลคึกคัก นายธินิวรรตน์ ไชยรัตน์ธนโชค ปลัดเทศบาลตำบลคึกคัก นายจำรัส หลีเจี้ย กำนันตำบลคึกคัก และ น.ส.จิตติมา คงพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ หมู่ 7 บ้านบางหลาโอน ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีร้านอาหาร โรงแรม และบ้านเรือนประชาชนปล่อยน้ำเสียลงคลองก่อนระบายลงสู่ทะเลระยะทางกว่า 300 เมตร ทำให้มีน้ำสีดำและส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วแหล่งท่องเที่ยวย่านเขาหลัก จนสร้างความเดือดร้อนให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนเป็นอย่างมาก
จากที่ทางจังหวัดลงมาดูปัญหายังพบว่า มีร้านอาหารบางรายยังคงปล่อยน้ำเสีย และทิ้งขยะลงบริเวณคลองบางหลาโอน กันเป็นจำนวนวนมาก ซึ่งสร้างความสกปรกเป็นอย่างมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้ ทางเทศบาลตำบลคึกคัก มีการพูดคุยกับผู้ประกอบที่อาศัยอยู่ตลอดลำคลองแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่ ยังมีผู้ประกอบการปล่อยน้ำเสียลงคลองอย่างต่อเนื่อง
นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า เรื่องการปล่อยน้ำเสียลงคลองสาธารณะเป็นปัญหาหลักที่ทางจังหวัดให้ความสำคัญ เนื่องจากพื้นที่เขาหลักเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากความเจริญเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวทำให้มีการก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทั้งร้านอาหาร โรงแรม กันเป็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางรายก็ได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคาร แต่ก็ยังมีบางส่วนที่สร้างรุกล้ำที่สาธารณะ และมีการปล่อยน้ำเสียโดยไม่มีการบำบัดลงสู่ล้ำคลองไหลลงทะเล
โดยทางจังหวัดได้สั่งให้ทางอำเภอตะกั่วป่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลคึกคัก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในเบื้องต้นนี้ได้ใช้สารจุลินทรีย์ชีวภาพบำบัดน้ำเสียให้มีน้ำมีคุณภาพดีขึ้น และให้ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลคึกคัก จัดชุดสำรวจประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร และโรงแรมดำเนินการอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งใช้กฎหมาย และเทศบัญญัติบังคับแบบถูกต้อง จากการลงมาดูพื้นที่ยังพบว่า มีการปล่อยน้ำเสีย และทิ้งขยะลงสู่ลำคลองสาธารณะ
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นในแหล่องท่องเที่ยว พร้อมจะประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไปอีกด้วย และที่สำคัญในส่วนขอคนที่ลักลอบปล่อยน้ำเสียจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดต่อไป