สุราษฎร์ธานี - จังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดกิจกรรมแสง สี เสียง ย้อนรอยอารยธรรมศรีวิชัยสู่อาเซียน ตามรอยเสด็จเส้นทางพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ 5) ที่เสด็จอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ อำเภอเกาะพะงันถึง 14 ครั้ง
เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (21 มี.ค.) นายสุทธิ ศิลมัย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับชาวเกาะพะงัน จัดกิจกรรมแสง สี เสียง ย้อนรอยอารยธรรมศรีวิชัยสู่อาเซียน ตามรอยเสด็จเส้นทางพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ 5) ที่อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ และเป็นการเทิดพระเกียรติพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ 5)
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ชาวเกาพะงัน ได้ร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน เปิดตำนานประวัติศาสตร์ตามรอยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ได้เสด็จประพาสเกาะพะงัน ที่น้ำตกธารเสด็จ ถึง 14 ครั้ง และได้จารึกพระปรมาภิไธยย่อบนก้อนหินบริเวณน้ำตกธารเสด็จ ทุกครั้งที่ท่านเสด็จมา
พร้อมทั้งเป็นการสร้างเส้นทางอารยธรรมศรีวิชัย กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับอาเซียน และเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้แพร่หลายมากขึ้น ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปอย่างตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (21 มี.ค.) นายสุทธิ ศิลมัย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับชาวเกาะพะงัน จัดกิจกรรมแสง สี เสียง ย้อนรอยอารยธรรมศรีวิชัยสู่อาเซียน ตามรอยเสด็จเส้นทางพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ 5) ที่อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ และเป็นการเทิดพระเกียรติพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ 5)
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ชาวเกาพะงัน ได้ร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน เปิดตำนานประวัติศาสตร์ตามรอยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ได้เสด็จประพาสเกาะพะงัน ที่น้ำตกธารเสด็จ ถึง 14 ครั้ง และได้จารึกพระปรมาภิไธยย่อบนก้อนหินบริเวณน้ำตกธารเสด็จ ทุกครั้งที่ท่านเสด็จมา
พร้อมทั้งเป็นการสร้างเส้นทางอารยธรรมศรีวิชัย กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับอาเซียน และเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้แพร่หลายมากขึ้น ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปอย่างตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก