ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ผู้ประกอบการประมงยื่นหนังสือผ่านที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงรัฐบาลให้ช่วยเหลือกลุ่มเรือประมงร่วมทุนไทย-อินโดนีเซีย หลังอินโดนีเซียปิดน่านน้ำไม่สามารถเข้าไปทำการประมงได้ และช่วยเหลือลูกเรือที่ถูกจับกุม รวมถึงกรณีท่าเทียบเรือประมงเก็บค่าบริการแพง กระทบผู้ประกอบการแพปลา และเจ้าของเรือ ด้านท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลา ก็ประสบภาวะขาดทุนขอลดราคาค่าเช่าเทียบเรือ
วันนี้ (19 มี.ค.) พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานท่าเทียบเรือประมงสงขลา และเชิญสมาคมประมงสงขลา เจ้าของเรือประมง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมง
ทั้งนี้ นายประพร เอกอุรุ นายกสมาคมประมงสงขลา ได้ยื่นหนังสือขอให้ทางรัฐบาลเร่งช่วยเหลือ กรณีทางประเทศอินโดนีเซีย จัดระเบียบปิดน่านน้ำระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2557-เมษายน 2558 ส่งผลให้เรือประมงร่วมทุนไทย-อินโดนีเซีย ได้รับผลกระทบไม่สามารถเข้าไปทำการประมงได้ ต้องจอดเทียบท่ามานานหลายเดือน และมีการยึดเรือประมงไทยที่รุกล้ำเข้าไป รวมทั้งมีลูกเรือประมงไทยที่ถูกจับกุมอยู่ในประเทศอินโดนีเซียด้วย
ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณอาหารทะเลทั้งที่บริโภคภายในประเทศ และส่งออก โดยขอให้ทางรัฐบาลช่วยเจรจาในระดับรัฐบาลกับทางอินโดนีเซีย เพื่อหารือถึงนโยบายประมง หลังผ่านพ้นการปิดน่านน้ำในวันที่ 30 เมษายนไปแล้ว และขอให้ช่วยเจรจากับทางอินโดนีเซียเพื่อช่วยเหลือลูกเรือประมงที่ถูกจับกุม และติดค้างอยู่ในอินโดนีเซียโดยด่วน
นอกจากนี้ ทางผู้ประกอบการแพปลา รวมทั้งเจ้าของเรือประมงใน จ.สงขลา ยังได้เรียกร้องให้แก้ปัญหากรณีที่ท่าเทียบเรือประมงเก็บค่าจอดเรือ ค่าน้ำ ค่าน้ำแข็ง สูงเกินไป ทำให้กระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการประมง ในส่วนของท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลา ได้ขอลดค่าเช่าท่าเทียบเรือประมงจากเทศบาลนครสงขลา หลังจากที่ประสบปัญหาขาดทุนเช่นเดียวกัน
พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังรับทราบปัญหาว่า จะเร่งนำเรื่องทั้งหมดส่งไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมทั้งรัฐบาลเพื่อหาทางแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะกรณีปัญหาเรื่องการประมงในประเทศอินโดนีเซีย และการช่วยเหลือลูกเรือประมงที่ถูกจับกุม