ชลประทานยะลาเผยภัยแล้งส่งผลประมาณเดือนเมษยนเหตุจากป่าไม้ลด

ยะลา - ชลประทานยะลา เผยภัยแล้งในพื้นที่ จ.ยะลา จะส่งผลกระทบหนักช่วงกลางเดือนเมษายน ผลพวงจากป่าไม้ลดลง เตือนประชาชนใช้สอยน้ำอย่างประหยัด

วันนี้ (17 มี.ค.) ที่สำนักงานโครงการชลประทาน จ.ยะลา นายอนุรักษ์ ธีระโชติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จ.ยะลา เปิดเผยว่า วิกฤตภัยแล้งในพื้นที่ จ.ยะลา ขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง แม้ว่าสถานการณ์ความแห้งแล้งในปัจจุบันจะเกิดจากฝนตกทิ้งช่วงตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา ก็เป็นระยะเวลา 2 เดือนกว่าแล้ว ซึ่งทำให้พื้นที่เกิดความแห้งแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่สูง ห่างไกลจากแม่น้ำสายหลัก ซึ่งมีผลต่อแหล่งน้ำ บ่อบาดาลที่มีระดับน้ำลดลง แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ พื้นที่ทางการเกษตรยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าที่ควร เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนบางลาง ยังคงมีปริมาณมากกว่า 12 ล้านลูกบาศก์เมตร และเชื่อว่าจะสามารถบรรเทาภัยแล้งในพื้นที่ทางการเกษตรได้ อีกทั้งพื้นที่ติดริมแม่น้ำปัตตานี ยังคงมีน้ำบ่อใช้การอยู่อย่างต่อเนื่อง

ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จ.ยะลา กล่าวเพิ่มเติมว่า ภัยแล้งในพื้นที่ จ.ยะลา ปีนี้จะส่งผลกระทบหนักในช่วงกลางเดือนเมษายนไปแล้ว หากฝนไม่ตกในช่วงปลายเดือนเมษายน หรือเดือนพฤษภาคม ก็จะทำให้พื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักแน่นอน เพราะแหล่งน้ำธรรมชาติจะเริ่มแห้งขอด ไม่ว่าจะเป็นลำธาร หรือบ่อบาดาล ผลพวงจากพื้นที่ป่าไม้ที่เหลือน้อยลงทำให้เกิดความแห้งแล้ง

“จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีการบริหาร และใช้ทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างประหยัดทั้งแหล่งน้ำธรรมชาติ น้ำบ่อ น้ำบาดาล หรือน้ำที่ได้รับการจัดสรรจากทางการ เพื่อจะรอรับสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งขณะนี้ จ.ยะลา ก็มีพื้นที่ที่เริ่มประสบภัยแล้งแล้วเช่น อำเภอยะหา อ.รามัน และ อ.กรงปินัง ในบางส่วน” ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จ.ยะลา กล่าว