ตรัง - สถานการณ์ภัยแล้งตรังปีนี้ส่อเข้าขั้นวิกฤต ฝนทิ้งช่วงเร็วกว่าทุกปี หนองน้ำทางธรรมชาติหลายแห่งแห้งขอด แต่บรรดาฝูงนกกลับได้รับประโยชน์จากน้ำแห้ง เนื่องจากจับปลากินได้ง่าย เผยขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 5 อำเภอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้วนับหมื่นครัวเรือน
วันนี้ (10 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่จังหวัดตรังปีนี้สถานการณ์ภัยแล้งฝนทิ้งช่วงมาเร็วกว่าทุกปี ทำให้หนองน้ำธรรมชาติหลายแห่งที่เคยมีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี และชาวบ้านได้ใช้เป็นแหล่งน้ำให้สัตว์เลี้ยง เช่น วัว ควาย ได้กินน้ำในช่วงหน้าแล้ง แต่ปรากฏว่า ปีนี้หนองน้ำกลับแห้งขอด ดินเริ่มแตกระแหง มีเพียงฝูงนกกระยาง และนกกินปลาที่ได้รับอานิสงส์จากแหล่งน้ำที่แห้งขอด เนื่องจากได้กิน กุ้ง หอย ปู ปลา ตัวเล็กๆ ที่เหลือจากชาวบ้านได้จับไปก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน นกกระยาง นกปากห่าง นกกระทุงนับร้อยตัวได้บินมารวมตัวบริเวณหนองน้ำริมถนนศรีตรัง เขตเทศบาลนครตรัง ทุกๆ เช้า หลังจากที่น้ำในหนองน้ำสาธารณะแห่งนี้แห้งขอด โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ ถนนสายนี้จะมีผู้สัญจรไปมากจำนวนมาก โดยบางคนที่มีกล้องถ่ายรูปจะนิยมลงมาถ่ายภาพนกนานาชนิดที่กำลังหากินอยู่ในหนองน้ำดังกล่าว เนื่องจากเป็นหนองน้ำเพียงไม่กี่แห่งที่ทุกๆ ปีน้ำจะไม่เคยแห้ง แต่ผลจากการที่ปีนี้น้ำแห้งเร็วมากจึงทำให้นกชนิดต่างๆ ได้บินมาหากินในบริเวณนี้
นายสมเกียรติ อินทรคำ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง กล่าวว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 7 อำเภอ 19 ตำบล 110 หมู่บ้าน คิดเป็นพื้นที่ 5 เปอร์เซ็นต์ ของทั้งจังหวัดตรัง โดยมีประชาชนเดือดร้อนประมาณ 10,000 ครัวเรือน หรือ 32,000 คน จึงประสานให้ทุกอำเภอเร่งแจกจ่ายน้ำกินน้ำใช้ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว 2,000,000 กว่าลิตร ถึงแม้คาดว่าฝนก็จะมาเร็วกว่าทุกปี แต่ก็เป็นห่วงต้นยางพารา กับปาล์มน้ำมันเพราะหากเดือนมีนาคมนี้ยังไม่มีฝนตกลงมาก็อาจได้รับความเดือดร้อน
