ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ไฟไหม้ชุมนุมกลางเมืองภูเก็ต วอดไป 2 หลัง มูลค่าความเสียประมาณ 1 แสนบาท เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงได้ จะทำการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
เมื่อเวลา 06.30 น. วันนี้ (9 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านที่บริเวณชุมชนสะพานร่วม 1 ถ.อนุภาษภูเก็ตการ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดับเพลิงที่กำลังโหมไหม้ หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.อำพลวัฒน์ แสงเรือง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ทราบ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครภูเก็ต เข้าดำเนินการควบคุมเพลิง
โดยใช้รถดับเพลิงของเทศบาลนครภูเก็ต จำนวน 3 คัน และรถดับเพลิงของ อบจ.ภูเก็ต อีก 2 คัน เข้าทำการควบคุมเพลิง ที่เกิดเหตุอยู่ภายในชุมชนสะพานร่วม โดยต้นเพลิงอยู่ที่ท้ายซอยอนุภาษภูเก็ตการ ซอย 8 และถนนคับแคบ มีบ้านเรือนของชาวบ้านปลูกเรียงรายสองข้าง ทำให้รถดับเพลิงเข้าไปทำงานด้วยความลำบาก เมื่อไปถึงเห็นไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง และมีควันไฟพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ช่วยเร่งฉีดน้ำสกัดไม่ให้เพลิงลุกลามไปติดห้องข้างเคียง แต่เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วเนื่องจากบ้านต้นเพลิงเป็นปลูกด้วยไม้ทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการระงับเพลิงกว่า 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ
จากการตรวจสอบพบว่า บ้านได้รับความเสียหายวอดทั้งหลัง จำนวน 2 หลัง คือ บ้านเลขที่ 27 ของนายสมบัติ เดชะพันธ์ อายุ 49 ปี และบ้านเลขที่ 25 ของนายประกอบ สุวรรณ อายุ 62 ปี โดยทั้งทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีบ้านที่อยู่ติดกับบ้านหลังที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายเล็กน้อยคือ บ้านเลขที่ 25
จากการสอบถาม นายสมบัติ เดชะพันธ์ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 27 บ้านต้นเพลิง บอกว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้นอนหลับอยู่ภายในห้องนอน แต่รู้สึกเหมือนมีไอความร้อนเข้ามาภายในห้อง จึงได้รีบลุกขึ้นมาดูพบว่า ไฟกำลังลุกไหม้จากหลังบ้านของตนเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นได้ตะโกนบอกเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงบอกว่า ไฟไหม้ ตนจึงได้วิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาจากภายในบ้าน จากนั้นตนเองกับเพื่อนบ้านได้ช่วยกันดับไฟแต่ไม่สามารถดับได้เนื่องจากไฟไหม้อย่างรุนแรง จากนั้นได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วยดับในที่สุด โดยตนเอง และเพื่อนบ้านไม่ได้ขนย้ายสิ่งของใดออกมาจากภายในบ้านแม้แต่อย่างเดียว โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนจะเชิญเจ้าของบ้านทั้ง 2 หลังไปสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป โดยคาดว่ามูลค่าความเสียหายประมาณ 1 แสนบาท
เมื่อเวลา 06.30 น. วันนี้ (9 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านที่บริเวณชุมชนสะพานร่วม 1 ถ.อนุภาษภูเก็ตการ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดับเพลิงที่กำลังโหมไหม้ หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.อำพลวัฒน์ แสงเรือง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ทราบ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครภูเก็ต เข้าดำเนินการควบคุมเพลิง
โดยใช้รถดับเพลิงของเทศบาลนครภูเก็ต จำนวน 3 คัน และรถดับเพลิงของ อบจ.ภูเก็ต อีก 2 คัน เข้าทำการควบคุมเพลิง ที่เกิดเหตุอยู่ภายในชุมชนสะพานร่วม โดยต้นเพลิงอยู่ที่ท้ายซอยอนุภาษภูเก็ตการ ซอย 8 และถนนคับแคบ มีบ้านเรือนของชาวบ้านปลูกเรียงรายสองข้าง ทำให้รถดับเพลิงเข้าไปทำงานด้วยความลำบาก เมื่อไปถึงเห็นไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง และมีควันไฟพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ช่วยเร่งฉีดน้ำสกัดไม่ให้เพลิงลุกลามไปติดห้องข้างเคียง แต่เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วเนื่องจากบ้านต้นเพลิงเป็นปลูกด้วยไม้ทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการระงับเพลิงกว่า 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ
จากการตรวจสอบพบว่า บ้านได้รับความเสียหายวอดทั้งหลัง จำนวน 2 หลัง คือ บ้านเลขที่ 27 ของนายสมบัติ เดชะพันธ์ อายุ 49 ปี และบ้านเลขที่ 25 ของนายประกอบ สุวรรณ อายุ 62 ปี โดยทั้งทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีบ้านที่อยู่ติดกับบ้านหลังที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายเล็กน้อยคือ บ้านเลขที่ 25
จากการสอบถาม นายสมบัติ เดชะพันธ์ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 27 บ้านต้นเพลิง บอกว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้นอนหลับอยู่ภายในห้องนอน แต่รู้สึกเหมือนมีไอความร้อนเข้ามาภายในห้อง จึงได้รีบลุกขึ้นมาดูพบว่า ไฟกำลังลุกไหม้จากหลังบ้านของตนเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นได้ตะโกนบอกเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงบอกว่า ไฟไหม้ ตนจึงได้วิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาจากภายในบ้าน จากนั้นตนเองกับเพื่อนบ้านได้ช่วยกันดับไฟแต่ไม่สามารถดับได้เนื่องจากไฟไหม้อย่างรุนแรง จากนั้นได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วยดับในที่สุด โดยตนเอง และเพื่อนบ้านไม่ได้ขนย้ายสิ่งของใดออกมาจากภายในบ้านแม้แต่อย่างเดียว โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนจะเชิญเจ้าของบ้านทั้ง 2 หลังไปสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป โดยคาดว่ามูลค่าความเสียหายประมาณ 1 แสนบาท