กระบี่ - ฮือฮา เจ้าของช้าง “พลายสังข์ศรีสุข” จัดพิธีทำบุญเก็บกระดูก พบอาหารในท้องยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ หลังตาย และถูกฝังมาแล้วกว่า 3 ปี เจ้าของเก็บไว้บูชา เชื่อเป็นสิ่งอัศจรรย์ ขณะที่คนในพื้นที่เชื่อว่าพลายสังข์ศรีสุข เป็นน้องของช้างพระเศวต
นายสันติ ศรีสุข อยู่บ้านเลขที่ 17 ม.5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ เจ้าของผู้สืบทอดช้างพลายสังข์ศรีสุข เปิดเผยว่า หลังจากช้างพลายสังข์ศรีสุข ตาย และถูกฝังมากว่า 3 ปีมาแล้ว ตนพร้อมด้วยญาติๆ และคนในพื้นที่ได้จัดให้มีการทำบุญเก็บกระดูก พลายสังข์ศรีสุข และงา โดยใช้รถแบ็กโฮขุดขึ้นมาพบว่า กระดูก และงาของช้างยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และเป็นที่น่าอัศจรรย์ของผู้ที่ร่วมในพิธีก็คือ เศษอาหารที่อยู่ในกระเพาะของพลายสังข์ศรีสุข ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนกับเพิ่งกิน ซึ่งหลังจากขุดขึ้นมาตนก็ได้เก็บไว้บูชาส่วนหนึ่ง เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ ส่วนกระดูกก็จะนำมาต่อเป็นตัวช้างพลายสังข์ศรีสุข อีกครั้ง เพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานได้สักการบูชา ส่วนงา มีความยาวข้างละประมาณ 1.64 เมตร วัดรอบโคนงา 34 ซม. จะได้นำไปขึ้นทะเบียนต่อไป
สำหรับการขุดซากพลายสังข์ศรีสุข นั้นเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการทำพิธี 3 วัน และพิธีจะเสร็จสิ้นพิธีในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้มีแพทย์จากโรงพยาบาลช้างลำปาง และโรงพยาบาลช้างภาคใต้ จ.กระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมช้างต้น สำนักพระราชวัง คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตทุ่งสง ส่วนราชการในอำเภอลำทับ และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกันทำพิธีจำนวนมาก สำหรับช้างพลายสังข์ศรีสุข เป็นช้างที่เชื่อกันว่าอยู่ในโขลงเดียวกับช้างพระเศวต โดยคล้องได้ในพื้นที่ ต.ดินอุดม อ.ลำทับ จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันที่คล้องช้างพระเศวตได้
ขณะที่ นางคลาด ศรีสุข อายุ 82 ปี มารดาของนายสันติ กล่าวว่า เดิมทีพลายสังข์ศรีสุข นั้น สามีของตนซื้อมาในราคา 1 หมื่นบาท หลังจากที่มีการคล้องได้ ซึ่งตอนนั้นพลายสังข์ศรีสุข มีอายุประมาณ 7 ปี โดยทราบว่า คล้องได้ที่เดียวกับช้างพระเศวต คาดว่าน่าจะเป็นช้างโขลงเดียวกัน หลังจากที่สามีของตนเสียชีวิต พลายสังข์ศรีสุข ก็ได้ตกทอดมา และได้มอบให้ลูกชายเป็นผู้ดูแล จนกระทั่งพลายสังข์ศรีสุข ตายลงเมื่ออายุ ได้ 67 ปี และได้นำมาฝังไว้บริเวณสนามหน้าบ้าน เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทำบุญเก็บกระดูก และงา เพื่อให้ลูกหลานได้ชื่นชม
ด้าน นายสุรศักดิ์ เพชรสุก นายกเทศมนตรีตำบลลำทับ กล่าวว่า พลายสังข์ศรีสุข ถูกคล้องได้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับพระเศวตอดุลยเดชพาหน ในพื้นที่ตำบลดินอุดม อ.ลำทับ และมีความสง่างาม ในอดีตได้มีการนำพลายสังข์ศรีสุข เข้าช่วยงานราชการหลายครั้ง ทั้งการสร้างอำเภอ สร้างโรงพยาบาล รวมถึงการทำถนน จนกระทั่งปี 2554 ได้ล้มลง ทางเจ้าของขณะนั้น คือ นายสันติ ศรีสุข จึงได้ทำพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนการขุดซากพลายสังข์ศรีสุข ขึ้นมาในครั้งนี้ก็จะทำการร้อยกระดูกทั้งหมดจัดตั้งคู่กับอำเภอลำทับ เพื่อเป็นสถานที่บอกเล่าตำนานของการคล้องช้างเผือกเชือกแรก
นอกจากนั้น ก็จะมีการนำเนื้อเยื่อไปตรวจเทียบดีเอ็นเอกับพระเศวตอดุลยเดชพาหน เพื่อตรวจสอบว่า เป็นพี่น้องกันหรือไม่ เนื่องจากมีการเล่าขานกันของบรรพบุรุษหลายตระกูลตรงกันว่า พลายสังข์ศรีสุข น่าจะเป็นน้องของพระเศวตอดุลยเดชพาหน และพลายสังข์ศรีสุข ก็ถูกคล้องได้ในบริเวณเดียวกันด้วย
นายสันติ ศรีสุข อยู่บ้านเลขที่ 17 ม.5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ เจ้าของผู้สืบทอดช้างพลายสังข์ศรีสุข เปิดเผยว่า หลังจากช้างพลายสังข์ศรีสุข ตาย และถูกฝังมากว่า 3 ปีมาแล้ว ตนพร้อมด้วยญาติๆ และคนในพื้นที่ได้จัดให้มีการทำบุญเก็บกระดูก พลายสังข์ศรีสุข และงา โดยใช้รถแบ็กโฮขุดขึ้นมาพบว่า กระดูก และงาของช้างยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และเป็นที่น่าอัศจรรย์ของผู้ที่ร่วมในพิธีก็คือ เศษอาหารที่อยู่ในกระเพาะของพลายสังข์ศรีสุข ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนกับเพิ่งกิน ซึ่งหลังจากขุดขึ้นมาตนก็ได้เก็บไว้บูชาส่วนหนึ่ง เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ ส่วนกระดูกก็จะนำมาต่อเป็นตัวช้างพลายสังข์ศรีสุข อีกครั้ง เพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานได้สักการบูชา ส่วนงา มีความยาวข้างละประมาณ 1.64 เมตร วัดรอบโคนงา 34 ซม. จะได้นำไปขึ้นทะเบียนต่อไป
สำหรับการขุดซากพลายสังข์ศรีสุข นั้นเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการทำพิธี 3 วัน และพิธีจะเสร็จสิ้นพิธีในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้มีแพทย์จากโรงพยาบาลช้างลำปาง และโรงพยาบาลช้างภาคใต้ จ.กระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมช้างต้น สำนักพระราชวัง คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตทุ่งสง ส่วนราชการในอำเภอลำทับ และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกันทำพิธีจำนวนมาก สำหรับช้างพลายสังข์ศรีสุข เป็นช้างที่เชื่อกันว่าอยู่ในโขลงเดียวกับช้างพระเศวต โดยคล้องได้ในพื้นที่ ต.ดินอุดม อ.ลำทับ จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันที่คล้องช้างพระเศวตได้
ขณะที่ นางคลาด ศรีสุข อายุ 82 ปี มารดาของนายสันติ กล่าวว่า เดิมทีพลายสังข์ศรีสุข นั้น สามีของตนซื้อมาในราคา 1 หมื่นบาท หลังจากที่มีการคล้องได้ ซึ่งตอนนั้นพลายสังข์ศรีสุข มีอายุประมาณ 7 ปี โดยทราบว่า คล้องได้ที่เดียวกับช้างพระเศวต คาดว่าน่าจะเป็นช้างโขลงเดียวกัน หลังจากที่สามีของตนเสียชีวิต พลายสังข์ศรีสุข ก็ได้ตกทอดมา และได้มอบให้ลูกชายเป็นผู้ดูแล จนกระทั่งพลายสังข์ศรีสุข ตายลงเมื่ออายุ ได้ 67 ปี และได้นำมาฝังไว้บริเวณสนามหน้าบ้าน เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทำบุญเก็บกระดูก และงา เพื่อให้ลูกหลานได้ชื่นชม
ด้าน นายสุรศักดิ์ เพชรสุก นายกเทศมนตรีตำบลลำทับ กล่าวว่า พลายสังข์ศรีสุข ถูกคล้องได้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับพระเศวตอดุลยเดชพาหน ในพื้นที่ตำบลดินอุดม อ.ลำทับ และมีความสง่างาม ในอดีตได้มีการนำพลายสังข์ศรีสุข เข้าช่วยงานราชการหลายครั้ง ทั้งการสร้างอำเภอ สร้างโรงพยาบาล รวมถึงการทำถนน จนกระทั่งปี 2554 ได้ล้มลง ทางเจ้าของขณะนั้น คือ นายสันติ ศรีสุข จึงได้ทำพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนการขุดซากพลายสังข์ศรีสุข ขึ้นมาในครั้งนี้ก็จะทำการร้อยกระดูกทั้งหมดจัดตั้งคู่กับอำเภอลำทับ เพื่อเป็นสถานที่บอกเล่าตำนานของการคล้องช้างเผือกเชือกแรก
นอกจากนั้น ก็จะมีการนำเนื้อเยื่อไปตรวจเทียบดีเอ็นเอกับพระเศวตอดุลยเดชพาหน เพื่อตรวจสอบว่า เป็นพี่น้องกันหรือไม่ เนื่องจากมีการเล่าขานกันของบรรพบุรุษหลายตระกูลตรงกันว่า พลายสังข์ศรีสุข น่าจะเป็นน้องของพระเศวตอดุลยเดชพาหน และพลายสังข์ศรีสุข ก็ถูกคล้องได้ในบริเวณเดียวกันด้วย