xs
xsm
sm
md
lg

โจทย์ใหม่ที่รัฐบาลต้องขบให้แตก เพื่อให้ไฟใต้ดับได้อย่างถาวร / ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
 
คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก
 
“คาร์บอมบ์” ที่เกิดขึ้นที่ย่านกลางเมือง บนถนน ณ นคร เขตเทศบาลเมือง จ.นราธิวาส เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่ าสิ่งที่ผู้เขียนได้วิเคราะห์สถานการณ์การก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ที่ว่า สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับนั้นไม่ได้เกิดมาจาก “จูแว” หรือ “แนวร่วม” ได้ยุติการปฏิบัติการต่อพื้นที่เป้าหมาย เพียงแต่ถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ในรูปแบบต่างๆ จนทำให้การเคลื่อนตัวเพื่อการก่อการร้ายทำได้ไม่สะดวกเหมือนในอดีตที่เจ้าหน้าที่เปิดช่องว่างให้มีการก่อการร้ายได้อย่างเสรี
 
แต่ถึงแม้ว่าการกดดันของเจ้าหน้าที่จะทำให้การเคลื่อนตัวอึดอัดขัดข้อง แต่จูแว หรือแนวร่วมยังมีการความพร้อม และความมุ่งมั่นที่จะก่อการร้ายอยู่ตลอดเวลา รอโอกาสเปิดเมื่อไหร่ก็จะฉวยโอกาสก่อเหตุร้ายในทันที
 
เช่นเดียวกับคาร์บอมบ์ที่เขตเทศบาลเมืองครั้งนี้ เป็นการใช้แผน “รวมดารา” คือ การสนธิกำลังระหว่างชุดปฏิบัติการที่มีประสบการณ์ ซึ่งเป็นกองกำลังของ จ.ปัตตานี กับชุดปฏิบัติการของ จ.นราธิวาส วางแผนเพื่อวางระเบิดคาร์บอมบ์มากว่า 1 เดือน โดยมีเป้าหมายที่เป็นเมืองเศรษฐกิจ และเมื่อพื้นที่เขตเทศบาลเมืองนราธิวาสเปิดช่องว่าง จึงกลายเป็นพื้นที่เป้าหมายในทันที
 
เสียหายมากหรือน้อย มีเพียงคนบาดเจ็บ ไม่มีคนตาย นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นสำคัญคือ วันนี้ขบวนการก่อการร้าย หรือที่กองทัพพอใจที่จะให้เรียกว่าการก่อความไม่สงบ ยังมีความพร้อมที่จะก่อการร้ายตลอดเวลา และยังมีคนกลุ่มหนึ่งทั้งที่เป็น “แกนนำ” และเป็น “แนวร่วม” ทั้งที่เป็นชุดปฏิบัติการด้วยอาวุธ และเป็นผู้สนับสนุนในรูปแบบต่างๆ ยังคงเห็นต่างจากรัฐ และยังมีธงที่จะใช้ความรุนแรงในต่อผู้บริสุทธิ์ โดยที่ไม่สนใจที่จะหยุดการใช้ความรุนแรง และไม่สนใจที่จะแก้ไขสถานการณ์โดยการเปิดพื้นที่ “พูดคุย” เพื่อสร้างสันติสุขแต่อย่างใด
 
คาร์บอมบ์ครั้งนี้ยังโชคดีที่ระเบิดเพียงลูกเดียว ซึ่งอาจจะเป็นการจงใจของคนร้ายที่ต้องการให้เกิดความสูญเสียเพียงแค่นี้ หรือระเบิดที่เหลือที่ไม่ระเบิดอาจจะเป็นเพราะการประกอบระเบิดอีก 2 ลูก ไม่มีความชำนาญพอ จึงทำให้การสูญเสียที่เกิดขึ้นมีเพียงเท่าที่ปรากฏให้เห็น
 
หลังเสียงดังของระเบิด มีคำถามมากมายถึงนัยของคาร์บอมบ์ลูกดังกล่าว โดยมีการพยายามที่จะยึดโยงไปยังการเปิดพื้นที่พูดคุยระหว่างรัฐบาลไทย กับขบวนการแบ่งแยกดินแดน ทั้งกลุ่มบีอาร์เอ็น, พูโล และกลุ่มอื่นๆ ที่มีรัฐบาลมาเลเซีย เป็นผู้อำนวยความสะดวก
 
โดยมีการลงคงความเห็นว่า คาร์บอมบ์ลูกดังกล่าวเป็นการกระตุ้นฝ่ายไทยให้เร่งดำเนินการเปิดโต๊ะเพื่อพูดคุยของขบวนการ ที่ต้องการเร่งเร้าให้มีการพบปะพูดคุย เพราะกระบวนการพูดคุยระหว่างรัฐไทยกับผู้เห็นต่างๆ เกิดอาการ “โรคเลื่อน” โดยเลื่อนแล้วเลื่อนอีกอย่างไม่มีกำหนด
 
จริงๆ แล้วคาร์บอมบ์ลูกดังกล่าวไม่ได้มีนัยที่เกี่ยวข้องกับ “โต๊ะการเจรจา” หรือการพูดคุยแต่อย่างใด เนื่องจากชุดปฏิบัติการที่เป็นมือคาร์บอมบ์ชุดนี้ เป็นชุดปฏิบัติการก่อการร้ายที่ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องของโต๊ะพูดคุยแต่อย่างใด แต่เป็นชุดปฏิบัติการที่ยังนิยมใช้ความรุนแรงต่อประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้มวลชนเห็นว่าขบวนการยังมีอยู่ และยังปฏิบัติการในพื้นที่ได้
 
และขณะนี้กลุ่มผู้ปฏิบัติการก่อการร้ายในพื้นที่ยังคงมีการเคลื่อนไหว ยังมีการประกอบระเบิดแสวงเครื่องในรูปแบบต่างๆ ในหลายพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด เพื่อรอจังหวะ และโอกาสที่จะสร้างความสูญเสียให้เกิดขึ้น
 
กลยุทธ์หนึ่งของขบวนการที่ยังใช้ได้ผลคือ การ “ปล่อยข่าว” การวางระเบิดในหัวเมืองที่เป็นเมืองเศรษฐกิจ ซึ่งก่อนที่จะถึงเทศกาลตรุษจีน มีการปล่อยข่าวการทำคาร์บอมบ์ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จนทำให้เกิดการคุมเข้มในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จนผู้คนเกิดอาการหวาดผวา มองเห็นหาดใหญ่เหมือนกับเป็นเขตอันตราย ซึ่งสร้างความเสียหายต่อธุรกิจการค้าเป็นอย่างมาก
 
ดังนั้น วิธีการปล่อยข่าวของแนวร่วมยังเป็นวิธีการในการทำลายเศรษฐกิจ และทำลายขวัญของคนในพื้นที่ ซึ่งยังถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผล เพราะเป็นการทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีการเหวี่ยงแหในการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน  เนื่องจากข่าวที่ได้มาเป็นข่าวที่ไม่มีความชัดเจนว่าเป็น “ข่าวลือ” หรือเป็น “ข่าวลวง” หรือเป็น “ข่าวจริง” การป้องกันที่ใช้จึงมีทางเดียวเท่านั้น คือ การรักษาความปลอดภัยแบบเหวี่ยงแห ที่สุดท้ายก็จะได้กระป๋องแทนที่จะได้ปลาเป็นๆ
 
ส่วนพื้นที่ซึ่งไม่มีการแจ้งเตือนว่าจะมีคาร์บอมบ์ก็กลายเป็นพื้นที่สังหาร อย่างที่เกิดขึ้นที่เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ซึ่งวิธีการอย่างนี้ยังจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพราะยังเป็นกลยุทธ์ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถหาวิธีการรับมือ หรือการแก้ไขที่ได้ผล
 
ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐยังแก้โจทย์ข้อนี้ไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีการเดิมๆ เก่าๆ มาทำการรับมือ เช่น ก่อนจะถึงวันสำคัญๆ ต่างๆ ของรัฐไทย เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน มาฆบูชา สงกรานต์ และวันที่เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ของขบวนการ เช่น วันครบรอบการตายที่กรือเซะ วันสถาปนาพูโล บีอาร์เอ็น วันครบเหตุการณ์ที่ดุซงญอ ซึ่งก็จะต้องระดมสมองในการประชุมวางแผน ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย และใช้ความเข้มในการปฏิบัติการในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีข่าวว่าจูแวจะก่อเหตุร้าย
 
นี่คือสงครามข่าวสาร สงครามทางจิตวิทยาที่จูแวยังคงใช้อย่างได้ผลต่อสถานการณ์การก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังต้องทำงานหนัก เพื่อที่จะแก้โจทย์ที่เป็นโจทย์ยาก ซี่งนับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมามีการเปลี่ยนตัว “แม่ทัพ” มาแล้วกว่า 6 คน และปัญหานี้ยังยังคงเป็นเหมือนสุนัขไล่กัดหางตัวเอง และยังไม่เห็นแนวทางในการแก้ไขให้ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด
 
 สิ่งที่กองทัพ และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องคิดที่จะทำในระยะต่อไปคือ ในเมื่อวันนี้เหตุร้ายที่ลดน้อยลง และดูเหมือนว่าสถานการณ์ดีขึ้นนั้น เป็นเพียงทั้งแกนนำและแนวร่วมถูกกดเอาไว้ โดยการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และภายใต้ยุทธการ และวิธีการของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เท่านั้น หาใช่เป็นการยินยอมที่จะยุติการต่อสู้ไม่
 
ถ้าการเมืองมีการเปลี่ยนแปลง การใช้วิธีการสะกดบรรดาแกนนำ และแนวร่วมผ่อนคลายลงเมื่อไหร่ หรือให้เอ็นจีโอ และผู้ที่อยู่ในวงการสิทธิมนุษยชน และภาคประชาสังคมมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ “โรคดื้อยา” ก็จะเกิดขึ้น สถานการณ์ที่วันนี้เห็นว่าไปได้ดีก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางเลวร้ายอีกครั้งหนึ่ง
 
และนี่คือโจทย์ข้อยากที่รัฐบาล กองทัพ ต้องนำไปตีให้แตก เพื่อให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นำไปปฏิบัติเพื่อสร้างความความสงบปลอดภัยในพื้นที่อย่างยั่งยืน
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น