กระบี่ - เรือโลกใต้ท้องทะเล อ่วม! อุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี แจ้งข้อหาเพิ่ม ผิด พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ พ.ร.บ.เดินเรือ พร้อมสั่งให้นำเรือออกนอกพื้นที่
วันนี้ (25 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ต.อนุรักษ์ ปริญญาสถิรกุล สารวัตรตำรวจน้ำกระบี่ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ราเชนทร์ สวนคำศรี สว.ตำรวจน้ำกระบี่ ทำหน้าที่ปราบปรามทางน้ำ ร่วมกับ นายไชยธัช บุญภูพันธ์ตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี นายศรีอนันต์ พุ่มเกื้อ นักวิชาการการขนส่ง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ และนายศุภชัย รักษ์พันธ์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดกระบี่ ร่วมตรวจสอบเรือโลกใต้ท้องทะเล ให้บริการนักท่องเที่ยวชมปลาใต้ทะเล บริเวณอ่าวต้นไทร เกาะพีพี ที่เป็นข่าวในโซเชียล และสื่อต่างๆ อยู่ในขณะนี้เพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางตำรวจน้ำได้เข้าตรวจสอบมาแล้วครั้งหนึ่ง และมีการสั่งปรับในข้อหาใช้เรือผิดประเภท เป็นเงิน 10,000 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า เรือลำดังกล่าวหยุดให้บริการนักเที่ยว มีเพียงผู้ดูแลเรือเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า เรือมีความยาวประมาณ 9 เมตร กว้าง 3 เมตร ภายในตัวเรือได้มีการดัดแปลงเป็นห้องโถงกว้าง ท้องเรือเปิดโล่ง มีเพียงลูกกรงเหล็กเชื่อมต่อคล้ายกับตาข่าย ปลาสามารถเข้าออกได้ ด้านข้างเป็นกระจก เมื่อดันอากาศเข้าไปก็จะทำให้ใต้ท้องเรือคล้ายกับเป็นสระว่ายน้ำ นักท่องเที่ยวก็สามารถลงไปเล่นน้ำได้ครั้งละประมาณ 20-30 คน
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ และ พ.ร.บ.เดินเรือฯ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเข้ามาให้บริการนำเที่ยวโดยไม่มีใบอนุญาต เข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้เกิดอันตรายแก่สัตว์ พร้อมเปรียบเทียบปรับ และสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดประกอบกิจการในลักษณะดังกล่าว ถ้ายังมีการฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่จะทำการดำเนินคดีจนถึงที่สุด ซึ่งทางผู้ประกอบการรับทราบ และยินดีหยุดกิจการ พร้อมนำเรือออกไปนอกพื้นที่ของอุทยานต่อไป
นายไชยธัช บุญภูพันธ์ตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า หลังจากที่ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบเรือให้บริการนักท่องเที่ยวชมปลาใต้ท้องทะเล ชื่อเรือ โลกใต้ท้องทะเล ซึ่งมี นายนิคม โอชา เป็นเจ้าของเรือ เพิ่มเติม หลังจากที่ได้มีการตรวจสอบไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมา พบว่า มีความผิดเพิ่มเติมอีกตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับ และขอให้นำเรือออกจากพื้นที่ไป ซึ่งทางผู้ประกอบการก็ยินดีหยุดให้บริการ สำหรับเรือลักษณะดังกล่าวพบว่ามีเพียงลำเดียวที่ให้บริการอยู่ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และเป็นเรือที่มาจากจังหวัดภูเก็ต
วันนี้ (25 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ต.อนุรักษ์ ปริญญาสถิรกุล สารวัตรตำรวจน้ำกระบี่ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ราเชนทร์ สวนคำศรี สว.ตำรวจน้ำกระบี่ ทำหน้าที่ปราบปรามทางน้ำ ร่วมกับ นายไชยธัช บุญภูพันธ์ตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี นายศรีอนันต์ พุ่มเกื้อ นักวิชาการการขนส่ง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ และนายศุภชัย รักษ์พันธ์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดกระบี่ ร่วมตรวจสอบเรือโลกใต้ท้องทะเล ให้บริการนักท่องเที่ยวชมปลาใต้ทะเล บริเวณอ่าวต้นไทร เกาะพีพี ที่เป็นข่าวในโซเชียล และสื่อต่างๆ อยู่ในขณะนี้เพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางตำรวจน้ำได้เข้าตรวจสอบมาแล้วครั้งหนึ่ง และมีการสั่งปรับในข้อหาใช้เรือผิดประเภท เป็นเงิน 10,000 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า เรือลำดังกล่าวหยุดให้บริการนักเที่ยว มีเพียงผู้ดูแลเรือเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า เรือมีความยาวประมาณ 9 เมตร กว้าง 3 เมตร ภายในตัวเรือได้มีการดัดแปลงเป็นห้องโถงกว้าง ท้องเรือเปิดโล่ง มีเพียงลูกกรงเหล็กเชื่อมต่อคล้ายกับตาข่าย ปลาสามารถเข้าออกได้ ด้านข้างเป็นกระจก เมื่อดันอากาศเข้าไปก็จะทำให้ใต้ท้องเรือคล้ายกับเป็นสระว่ายน้ำ นักท่องเที่ยวก็สามารถลงไปเล่นน้ำได้ครั้งละประมาณ 20-30 คน
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ และ พ.ร.บ.เดินเรือฯ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเข้ามาให้บริการนำเที่ยวโดยไม่มีใบอนุญาต เข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้เกิดอันตรายแก่สัตว์ พร้อมเปรียบเทียบปรับ และสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดประกอบกิจการในลักษณะดังกล่าว ถ้ายังมีการฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่จะทำการดำเนินคดีจนถึงที่สุด ซึ่งทางผู้ประกอบการรับทราบ และยินดีหยุดกิจการ พร้อมนำเรือออกไปนอกพื้นที่ของอุทยานต่อไป
นายไชยธัช บุญภูพันธ์ตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า หลังจากที่ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบเรือให้บริการนักท่องเที่ยวชมปลาใต้ท้องทะเล ชื่อเรือ โลกใต้ท้องทะเล ซึ่งมี นายนิคม โอชา เป็นเจ้าของเรือ เพิ่มเติม หลังจากที่ได้มีการตรวจสอบไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมา พบว่า มีความผิดเพิ่มเติมอีกตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับ และขอให้นำเรือออกจากพื้นที่ไป ซึ่งทางผู้ประกอบการก็ยินดีหยุดให้บริการ สำหรับเรือลักษณะดังกล่าวพบว่ามีเพียงลำเดียวที่ให้บริการอยู่ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และเป็นเรือที่มาจากจังหวัดภูเก็ต
