ยะลา - “นายมะยาเต็ง สาเมาะ” นายหนังตะลุงของคณะ “หนังเต็ง สาคอ ตะลุงบันเทิง” หนังตะลุงมลายู หรือ “วาแยกูเละ” หวั่นหนังตะลุงไร้คนสืบทอด ดับสูญจากพื้นที่ปลายด้ามขวาน ชี้ขณะนี้มีเพียง 2 คณะเท่านั้นที่ทำการแสดงอยู่ในพื้นที่
วันนี้ (25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 45 ม.4 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นบ้านของ นายมะยาเต็ง สาเมาะ อายุ 41 ปี นายหนังตะลุงของคณะ “หนังเต็ง สาคอ ตะลุงบันเทิง” ซึ่งเป็นผู้สืบทอดศิลปะการเล่นหนังตะลุงมาจากรุ่นพ่อเป็นเวลากว่า 18 ปี ในขณะที่ศิลปะการแสดงหนังตะลุงรูปแบบของชาวมลายูกำลังจะสูญหายไป
นายมะยาเต็ง กล่าวว่า ตนเองเป็นทายาทของหนังตะลุงตั้งแต่รุ่นพ่อ ซึ่งพ่อของตนได้เป็นนายหนังตะลุง และต่อมา ผู้เป็นพ่อได้เลิกเล่นหนังตะลุง ทำให้ตนเองป่วยไม่สบาย ผู้เป็นพ่อจึงได้ใช้วิธีการรักษาแบบพื้นบ้าน โดยให้ฝากผีฝากไข้กับหนังตะลุง ซึ่งตนเองก็หายป่วย ทำให้ชีวิตผกผันให้เข้ามาสู่แวดวงของหนังตะลุง ตนเองได้ศึกษาการเล่นหนังตะลุงเมื่อปี 2540 จากผู้เป็นพ่อเรื่อยมา และได้ตระเวนออกเล่นหนังตะลุงตามงานต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วแต่จะมีผู้ใดว่าจ้างให้ไปเล่น
นายมะยาเต็ง กล่าวว่า ขณะนี้รู้สึกเป็นกังวลว่า ศิลปะการเล่นหนังตะลุงจะหายไปจากพื้นที่ เนื่องจากในปัจจุบันนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีหนังตะลุงที่เป็นแบบฉบับของชาวมลายู หรือชาวมุสลิม เพียง 2 คณะเท่านั้น คือ คณะหนังเต็ง สาคอ ตะลุงบันเทิง ซึ่งเป็นของตนเอง และคณะหนังตะลุง ของเดะเลาะ ตะลุงศิลป์ ซึ่งทั้ง 2 คณะนี้เป็นหนังตะลุงมลายูที่ใช้การแสดง 2 ภาษาควบคู่กันไป และในขณะนี้ไม่มีผู้ใดเหลียวแล หรือให้ความสนใจเข้ามาศึกษาเพื่อสืบทอดศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน แม้ว่าตนเองจะสละเวลาเปิดบ้านสอนให้แก่เยาวชนในท้องถิ่น แต่ก็แทบจะหาผู้สนใจอย่างจริงจังไม่ได้
นายมะยาเต็ง นอกจากจะเป็นครูนายหนังตะลุงแล้ว ยังหาเวลาว่างจากการรับเล่นหนังตะลุงเพื่อเป็นรายได้เสริมเลี้ยงดูครอบครัว ไปสอนการแกะสลักตัวหนังตะลุง ให้แก่เยาวชนในพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นวิทยากรบรรยายกร และสอนเกี่ยวกับศิลปะพื้นที่ เพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้แก่เยาวชนในโรงเรียนอีกด้วย
นายมะยาเต็ง สาเมาะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวหนังตะลุงที่ใช้เล่น หรือแสดงอยู่นั้น ตนเองเป็นผู้แกะตัวหนังตะลุงเองทั้งหมด อีกทั้งยังสอนให้แก่เยาวชนในพื้นที่ เพื่อหวังจะเป็นการสืบทอดศิลปวัฒนธรรม และเป็นรายได้เสริมให้แก่ผู้ที่แกะตัวหนังตะลุง เนื่องจากขณะนี้มีโรงเรียนในรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย มาติดต่อให้ตนเองแกะตัวหนังตะลุง เพื่อไปสอนให้แก่เด็กๆ ในโรงเรียนได้เรียนรู้
นายมะยาเต็ง บอกว่า การเล่นหนังตะลุงในแต่ละครั้งตนเองจะนำคำสอนด้านจริยธรรม การดำรงชีวิต สอดแทรกเข้าไปในการแสดงหนังตะลุง เพราะการแสดงหนังตะลุงก็เป็นสื่ออย่างหนึ่งในการสอน และขัดเกลาจิตใจคนดูให้ปฏิบัติตามแบบอย่าง หรือระลึกถึงบุญคุณ จริยธรรมในทางที่ดีในชีวิต
ด้านนายกุฎรี กูเต๊ะ อายุ 23 ปี ชายหนุ่มจาก อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งมีสายเลือดของหนังตะลุงตั้งแต่รุ่นปู่ และเป็นศิษย์ของ นายมะยาเต็ง มากว่า 2 ปี ผู้ซึ่งหลงใหล และหวังจะเป็นนายหนังตะลุงตามรอยปู่ของเขา กล่าวว่า ในตอนแรกตนเองถูกผู้เป็นพ่อและแม่ไม่เห็นด้วยที่จะมาเชิดหนังตะลุงหากิน เพราะมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มีความมั่นคง จึงได้ถูกส่งให้ไปเรียนในปอเนาะ ปีกว่าๆ แต่ด้วยใจที่ตนเองรักในศิลปะการแสดงหนังตะลุง ก็ยังแอบไปเล่นหนังตะลุงจนพ่อแม่รู้ จนครั้งนั้น ผู้เป็นน้องชายของแม่ก็ล้มป่วย และได้ขอต่อผู้เป็นพ่อและแม่ ให้ตนเองได้เล่นหนังตะลุง ประจวบกับมารู้จักกับนายมะยาเต็ง สาเมาะ และได้ติดสอยห้อยตามมาโดยตลอด ไม่ว่าจะมีการแสดงที่ไหนก็จะติดตามไปเป็นผู้ช่วย และใช้วิชาครูพักลักจำในการเก็บความรู้ศึกษาการเชิดตัวหนังตะลุง แม้ทุกวันนี้จะมาซ้อมการเชิดหนังตะลุงที่บ้านของนายมะยาเต็ง อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็อยากที่จะมีความเก่ง และความชำนาญมากกว่านี้ ซึ่งตนเองก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้เชิดหนังตะลุง และมองว่าศิลปะการแสดงหนังตะลุงกำลังจะสูญสิ้นไปเช่นกัน เพราะไร้คนสนใจ
การแสดงหนังตะลุง หรือที่ชาวมุสลิมในพื้นที่ เรียกว่า “วาแยกูเละ หรือ วายังกูเละ” กำลังจะสูญหายไปจากพื้นที่หากไม่ได้รับการสนับสนุน หรือส่งเสริมอย่างจริงจัง ไร้เยาวชนที่จะมาสืบทอดเจตนารมณ์ ความเป็นศิลปะพื้นบ้านให้คงอยู่เคียงคู่กับความหลากหลายทางวัฒนธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจจะติดต่อให้หนังตะลุงของคณะหนังเต็ง สาคอ ตะลุงบันเทิง ไปแสดงในงานต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-6289-7431