ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับเครือข่ายพิทักษ์การท่องเที่ยวเกาะราชา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ร่วมกันส่งมอบความรักให้ธรรมชาติ โดยการจัดโครงการ คืนบ้านให้ปูเสฉวน เพื่อนำเปลือกหอยฝาเดียวชนิดต่างๆ ไปปล่อยคืนธรรมชาติ หลังพบสถานการณ์วิกฤต ปูเสฉวนต้องอาศัยวัสดุอื่นเป็นเปลือกคุ้มกันตัวเอง
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่เกาะราชา ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสันติ ป่าหวาย หัวหน้าสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.ภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการ “คืนบ้านให้ปูเสฉวน” ซึ่งทางสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับเครือข่ายพิทักษ์การท่องเที่ยวเกาะราชา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ภาครัฐ และเอกชนจัดขึ้น เพื่อคืนความรัก และความสมบูรณ์ให้แก่ธรรมชาติ โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมประมาณ 200 กว่าคน ภายในงานจัดให้มีกิจกรรมมอบเปลือกหอยฝาเดียวให้แก่อาสาสมัคร นำไปปล่อยกลับลงไปในทะเล
พร้อมแจกแผ่นพับให้แก่นักท่องเที่ยวเพื่อประชาสัมพันธ์ไม่ให้เก็บเปลือกหอยกลับบ้าน นอกจากนั้น ยังจัดให้มีการมอบทุ่นสำหรับผูกเรือให้แก่เครือข่ายพิทักษ์การท่องเที่ยวเกาะราชา เพื่อนำไปติดตั้งสำหรับเป็นที่จอดเรือในบริเวณอ่าวหน้าเกาะราชาด้วย
นายสันติ กล่าวว่า การจัดโครงการในครั้งนี้เป็นความร่วมมือจากหลายฝ่าย ที่เลือกดำเนินการในวันนี้เนื่องจากวันนี้เป็นวันแห่งความรัก ซึ่งนอกจากจะมีการมอบความรักระหว่างกันแล้ว คิดว่าการมอบความรักให้แก่ธรรมชาติก็เป็นเรื่องสำคัญ และปัจจุบันพบว่า ปูเสฉวนมีเปลือกหอยที่จะอาศัยน้อยลง เนื่องจากมีคนเก็บเปลือกหอยในทะเล หรือชายหาดออกไปจำนวนมาก บางครั้งจะพบว่าปูเสฉวนต้องไปใช้กระป๋อง ท่อพีวีซี หรืออื่นๆ อีกหลายชนิดในการเข้าไปอาศัยเพื่อเป็นเกราะป้องกัน
ทางสำนักงานจึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อคืนเปลือกหอยให้แก่ปูเสฉวนที่เกาะราชา และหลังจากนี้ โครงการดังกล่าวจะขยายไปยังชายหาดอื่นๆ ต่อไป
ขณะที่ นายครรชิต คลิ้งขลิบ ประธานกลุ่มพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ของปูเสฉวนบนเกาะราชาถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต จะพบเห็นปูดังกล่าวน้อยลงอย่างชัดเจน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบนเกาะมักจะเก็บเปลือกหอยฝาเดียวเอากลับไปด้วย
ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีน และรัสเซีย ที่ผ่านมา ถ้าพบนักท่องเที่ยวก็จะเตือน แต่ก็ยังมีการเก็บอยู่ การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยคืนความสวยงาม และความสมบูรณ์ให้แก่เกาะราชา
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวให้อาหารปลาบนเกาะราชา ซึ่งได้มีการดำเนินการมาแล้วประมาณ 1 ปี ซึ่งจากการรณรงค์อย่างต่อเนื่องพบว่าประสบความสำเร็จ และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการ และไกด์ที่ช่วยประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบถึงข้อตกลง และแนวทางในการปฏิบัติของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวที่เกาะราชา
สำหรับโครงการนี้เชื่อว่าถ้าได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายก็น่าจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับโครงการห้ามให้อาหารปลาในทะเล
