นครศรีธรรมราช - ชุดเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่ 2 รวมหลายฝ่ายสนธิกำลังเข้าตรวจค้นท่าเทียบเรือใน อ.ขนอม จ.นครศรีฯ เข้าช่วยเหลือแรงงานถูกหลอกทำงานในเรือประมง “ลากคู่ศักดิ์รุ่งโรจน์” หลังจากได้รับการร้องเรียนจากญาติผู้เสียหาย พบลูกเรือประมงต่างด้าว และคนไทยจำนวนมาก ด้านไต้ก๋งยันไม่ได้หลอกมา
วันนี้ (26 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ต.กฤตวิทย์ จันทคณางกูร ผบ.หน่วย ฉก.ที่ 321 กองทัพเรือ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สันติพงษ์ พันธ์สวัสดิ์ สว.ตำรวจน้ำขนอม พ.ต.อ.สุขเกษม นครวิลัย ผกก.สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และ พ.ต.ท.เรวัตร ไกรทอง สว.กก.5 บก.ปคม.กำลังทหารเรือชุดเฉพาะกิจที่ 321 ทัพเรือภาคที่ 2 กองทัพเรือ พร้อมด้วยตำรวจน้ำขนอม สนธิกำลังเข้าตรวจค้นท่าเทียบเรือหมู่ที่ 8 ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากได้รับการร้องเรียนจากญาติของ นายศิริพงศ์ โคตรหลง อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร ว่า นายศิริพงศ์ ถูกล่อลวง และกักขังให้ทำงานอยู่บนเรือประมงอวนลากขนาดใหญ่ชื่อ “ศักดิ์รุ่งโรจน์” นานกว่า 4 เดือนโดยไม่ได้ค่าจ้าง
หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจนแน่ชัดว่าเรือเข้าฝั่งแล้ว จึงจู่โจมเข้าทำการตรวจค้น พบว่าเรือประมงลากคู่ศักดิ์รุ่งโรจน์ 11 และ 12 พบแต่ละลำมีลูกเรือประมงต่างด้าว และคนไทยรวมลำละ 20 คน จึงทยอยนำตัวแรงงานลูกเรือประมงทั้ง 2 ลำ มาทำการตรวจสอบใบอนุญาต พบว่ามีใบอนุญาตถูกต้อง และพบตัว นายศิริพงศ์ บุคคลที่ญาติร้องขอความช่วยเหลือ บนเรือประมง “ศักดิ์รุ่งโรจน์ 12” อยู่ในสภาพอิดโรย และดีใจเมื่อพบเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ถูกหลอกมาจากสถานีรถไฟหัวลำโพง และทำงานมา 4 เดือน ได้ค่าแรงเพียง 200 บาท โดยนายจ้างระบุว่าต้องจ่ายเงินให้แก่ค่านายหน้าอีก 6,500 บาท และไม่สามารถหลบหนีออกไปได้หากพยายามหลบหนีจะถูกทำร้าย
โดยข้อมูลดังกล่าวนั้นสืบเนื่องจาก นายปรีดา ภักตะชัย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 ม.3 ต.หนองลาด อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ กรุงเทพ ว่า น้องของภรรยา คือ นายศิริพงศ์ แอบโทรศัพท์ไปหาญาติที่ จ.สกลนคร ว่าถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวบังคับให้ทำงานเรือประมง โดยมาทำได้ราว 4 เดือน ได้รับเงินค่าจ้างเพียง 200 บาท เมื่อพยายามหลบหนีจะถูกรุมทำร้ายจนไม่กล้าหลบหนี จึงแอบโทรศัพท์ไปแจ้งญาติเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากทหารเรือมาช่วยเหลือดังกล่าว
ขณะที่ น.ต.กฤตวิทย์ จันทณางกูร ผบ.หน่วย ฉก.ที่ 321 กองทัพเรือ แจ้งว่า หลังช่วยเหลือนายศิริพงศ์ ได้แล้ว ได้ตรวจสอบแรงงานต่างด้าวพบว่า มีแรงงานเถื่อนไม่มีใบอนุญาต 3 ราย ต้องดำเนินคดีต่อเจ้าของเรือในข้อหาลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าวเถื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะดำเนินการตามกฎหมายผู้ที่เกี่ยวข้องหลอกลวง นายศิริพงศ์ มาขายแรงงาน โดยให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและมนุษย์ จ.นครศรีธรรมราช สอบสวนปากคำอย่างละเอียดเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ซึ่งภายหลังนั้นชัดเจนว่า เป็นการค้ามนุษย์ จึงนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
นายจักรินทร์ บุญอรุณรักษา เจ้าของเรือประมงได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว พร้อมนำลูกเรือคนอื่นๆ มายืนยัน และได้กล่าวว่า ตนทำงานด้านการประมงมาตั้งแต่รุ่นบิดามานาน 30-40 ปีแล้ว ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่กำหนดทุกอย่าง ซึ่งคนที่มาทำงานต้องถามก่อนว่าเต็มใจมาทำงานหรือไม่ ถ้าไม่เต็มใจตนจะไม่รับ ซึ่งไม่เข้าใจว่า นายศิริพงศ์ นั้นร้องเรียนเพราะอะไร ถ้าอยากกลับบ้านให้บอก ตนไม่ได้ขัดข้อง ส่วนที่บอกว่าไม่ให้เงินนั้นไม่เป็นความจริง สิ่งที่ นายศิริพงศ์ ให้การนั้นไม่เป็นความจริง
