กระบี่ - สองสามีภรรยาชาวกระบี่ที่ลูกจมทะเลเสียชีวิต 2 ศพ วันเด็กที่ผ่านมา ในเขตอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเยียวยาสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (21 ม.ค.) นายวิสูตร เขียวใหญ่ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 ม.7 ต.เขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ พร้อมด้วย นางมะลิวัลย์ พินทา อายุ 39 ปี ภรรยา ได้เข้าร้องเรียนต่อ นายธีระ ชูเชิด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเยียวยาครอบครัวหลังจาก ด.ช.ทรงวุฒิ เขียวใหญ่ อายุ 12 ปี ลูกชาย และ ด.ญ.วิมพ์วิภา เขียวใหญ่ อายุ 14 ปี ลูกสาว ประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิตบริเวณร่องน้ำเดินเรือซึ่งอยู่ในรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันเด็กแห่งชาติ
นายวิสูตร กล่าวว่า เมื่อวันเด็กที่ผ่านมา ได้พาลูก 3 คน เป็นชาย 2 คน และหญิง 1 คน มาเที่ยวชายหาดในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี โดยขณะที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ตามชายหาดพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ลูกสาวซึ่งเป็นลูกคนโต และลูกชายคนกลางก็ได้ขอไปเดินเล่นตามชายหาด และหายไปนานจนมาทราบอีกทีว่า ลูกทั้ง 2 จมน้ำทะเลแล้ว จนกระทั่งหลายหน่วยงานได้ช่วยกันค้นหาจนพบร่างของลูกทั้ง 2 ในสภาพเสียชีวิตแล้ว ซึ่งได้สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่ครอบครัวตนเป็นอย่างมาก แต่โชคดีที่มีลูกชายคนสุดท้อง ซึ่งขณะนี้อายุ ได้ 8 ขวบ ยังเป็นที่หวังสุดท้าย
“เชื่อว่าในวันเกิดเหตุหากเจ้าหน้าที่นำป้ายมาปักเตือนไว้ว่าบริเวณดังกล่าวว่าเป็นเขตพื้นที่อันตรายเชื่อว่าลูกของตนคงจะไม่ตายอย่างแน่นอน และเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตนจะดำเนินการฟ้องร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้เยียวยากรณีที่ทำให้ตนต้องสูญเสียลูกไปถึง 2 คน ในเวลาเดียวกัน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในการรับผิดชอบทุกกรณีไม่ใช่เฉพาะกรณีของตนเท่านั้น” นายวิสูตร กล่าว
ด้านนายธีระ ชูเชิด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ในเบื้องได้รับเรื่องไว้ พร้อมประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความระมัดระวังในการดูแลความปลอดภัย และหามาตรการที่จะไม่ให้มีกรณีเหมือนครอบครัวของนายวิสูตร เกิดขึ้นซ้ำอีก ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายขอคำแนะนำที่จะทำการฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้ประสานไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกระบี่ ให้ช่วยดูช่องทางในการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป