สุราษฎร์ธานี - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำผู้ประกอบการท่องเที่ยว และสื่อมวลชนจากประเทศอินเดีย ทัศนศึกษาดูงานแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และชีวิตความเป็นอยู่ตามวิถีไทยในพื้นที่สุราษฎร์ธานี หวังดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเข้าทดแทนนักท่องเที่ยวยุโรปที่หดหายไป จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ซบเซาในขณะนี้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานการสุราษฎร์ธานี ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานมุมไบ ประเทศอินเดีย สายการบินไทย และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส นำผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว และสื่อมวลชนจากเมืองสุรัต และเมืองอาห์เมดาบัด ภาคตะวันตก ประเทศอินเดีย จำนวน 12 คน เดินทางมาทัศนศึกษาดูงานแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และความเป็นอยู่ของคนชนบทตามวิถีไทย ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-23 มกราคม 2558 เพื่อสานสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทย-อินเดีย กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
นายวิชวุชย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยส่วนราชการ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สานความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว การค้า การลุงทุน ณ โรงแรมไดม่อน พลาซ่า อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
นางโศรยา หอมชื่น ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานมุมไบ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวอินเดียส่วนใหญ่จะเข้ามาท่องเที่ยวผักผ่อนในพื้นที่ทางทะเลเป็นส่วนใหญ่ ปีนี้ทางรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบวิถีไทย สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้นำกลุ่มเป้ามหมายเข้ามายังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อแนะนำแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เช่น อุทยานแห่งชาติเขาสก เขื่อนรัชชประภา และเกาะแก่งต่างๆ ทั้ง เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวอินเดียให้เดินทางเข้าประเทศไทยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศส่วนใหญ่มีกำลังใช้จ่ายสูง เฉลี่ยประมาณ 40,000 บาทต่อคน ใช้ระยะเวลาท่องเที่ยวประมาณ 5-7 วัน
ด้าน นายอเนก นุรักษ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ปัจจุบันนี้การท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับผลกระทบจากสภาวะการเมือง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวยุโรปหดหายไปบางส่วน ทำการท่องเที่ยวซบเซาลงมาก จึงคาดหวังว่าจะดึงนักท่องเที่ยวโซนเอเชียเข้ามาทดแทนกลุ่มที่หดหายไป อาจทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง