สุราษฎร์ธานี - รองพ่อเมืองสุราษฎร์ธานี รุดเยี่ยมนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่หมดสติขณะลงไปดำน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา นำส่งต่อเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เนื่องจากโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ไม่มีตู้ปรับความดัน ขณะที่รองผู้ว่าฯ เผยปกติห้ามลงไปดำน้ำในเขื่อนอยู่แล้ว
จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วานนี้ (21 ธ.ค.) นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต และเช่าเหมาเรือนำเที่ยวออกจากท่าเรือเทศบาลบ้านเชี่ยวหลาน เพื่อไปดำน้ำภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 4 คน และที่ 4 คน ลงไปดำลึกกว่า 30 เมตร ปรากฏว่า มีนักท่องเที่ยว จำนวน 2 คน เกิดอาการช็อกน้ำ หรือโรคน้ำบีบอย่างกะทันหัน เนื่องจากสภาพน้ำใต้เขื่อนมีความเย็นจัดทำ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน คือ Mr.Dmitry Dokuchave อายุ 46 ปี นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย และมีนักท่องเที่ยวที่มีอาการสาหัส 1 คน คือ MR.Marsym Polejaice
และเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัว MR.Marsym Polejaice ส่งเข้ารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี พร้อมนำศพของ Mr.Dmitry Dokuchave ส่งชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เข่นเดียวกัน โดยมี นายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางมาดูแล และอำนวยความสะดวกแก่ผู้บาดเจ็บ พร้อมกับเปิดเผยอาการของ MR.Marsym Polejaice ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากร่างกายถูกแรงกดอากาศใต้น้ำทำให้บาดเจ็บสาหัส การรักษาในเบื้องต้นทางแพทย์ได้ให้ออกซิเจน 100% และให้น้ำทางหลอดเลือดดำ ตรวจดูการทำงานของไต พร้อมให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และเตรียมส่งตัวผู้บาดเจ็บไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เนื่องจากการรักษาผู้บาดเจ็บจากโรคน้ำบีบจะต้องเข้าตู้ปรับความดันปรับสภาพร่างกาย หากการรักษาล่าช้าผู้บาดเจ็บอาจถึงแก่ชีวิตได้
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรากาษฎร์ธานี ยังระบุว่า ปกติแล้วภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนเชี่ยวหลาน ห้ามนักท่องเที่ยว หรือคนทั่วไปลงไปดำน้ำโดยพลการอยู่แล้ว คาดว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ฉวยโอกาสแอบไปดำน้ำกันเองจึงทำให้เกิดเหตุขึ้น ต่อไปจะได้กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มก่อนปล่อยเรือออกจากท่า