พังงา - คณะกรรมการเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดพังงา จัดประชุมวางแผนเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาชนในทางการเมือง เดินหน้าสู่จังหวัดจัดการตนเอง “พังงาแห่งความสุข”
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพังงา นายชำนาญ พึ่งถิ่น สมาชิกสภาพัฒนาการเมืองจังหวัดพังงา เป็นประธานการประชุมวางแผนเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาชนในทางการเมือง โดยมีคณะกรรมการเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดพังงา (คปจ.)และผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วม และที่ประชุมได้มติให้เตรียมเดินหน้าเปิดเวทีสาธารณะ ตามโครงการเสริมสร้างพลังประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือในพื้นที่ 8 อำเภอ
นายชำนาญ พึ่งถิ่น เปิดเผยว่า สภาพัฒนาการเมือง เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ.2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อการส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรม และจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในทางการเมือง เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในทางการเมือง และเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในระดับจังหวัด
สภาพัฒนาการเมือง จึงได้จัดตั้งคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคม ระดับจังหวัด ขึ้นเพื่อให้มีหน้าที่หลักในการส่งเสริม สนับสนุน และดำเนินงานเพื่อให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว รวมทั้งส่งเสริมให้องค์กรภาคประชาสังคมมีความเข้มแข็ง มีการเผยแพร่ความรู้ และจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้เกี่ยวกับการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คณะกรรมการเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดพังงา ได้ร่วมกันเลือกพื้นที่ในการเตรียมเปิดเวทีสาธารณะตามโครงการเสริมสร้างพลังประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือในพื้นที่ ต.ถ้ำ อ.ตะกั่วทุ่ง พื้นที่ ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว พื้นที่ ต.บางวัน อ.คุระบุรี พื้นที่ ต.รมณีย์ อ.กะปง พื้นที่ ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า พื้นที่ ต.บ่อแสน อ.ทับปุด พื้นที่ ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง และพื้นที่ ต.ท้ายช้าง อ.เมืองพังงา โดยประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือจะเน้นที่ “กระบวนการสื่อสารระหว่างกัน” อยู่ร่วมกัน เข้าใจกัน อันเป็นฐานอันยั่งยืนของ “ความสามัคคี” ประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือเพื่อความสมานฉันท์นั้น จึงมิได้อยู่ที่การไปร้องขอมาจากอำนาจที่อยู่เหนือตัวเรา หรือเป็นเรื่องของคำสั่งจากคนที่มีอำนาจเหนือกว่าเรา หากแต่เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตร่วมกันและพยายามที่จะเข้าใจกันของทุกฝ่าย อันจะนำไปสู่จังหวัดจัดการตนเอง หรือ “พังงาแห่งความสุข” ต่อไป