ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.ชุดปราบปรามยาเสพติด จ.ภูเก็ต รวมยกแก๊งเครือข่ายค้ายาบ้า “เจ๊นา” ยึดยาบ้ามูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ผู้ต้องหารับทำมาแล้วหลายเดือนทำแบบค้าส่ง ขณะที่ผู้การภูเก็ต ชี้คนขายยาเสพติดต้องสูญพันธุ์ สั่งรองผู้การขยายผลเพิ่มตามยึดทรัพย์ให้ถึงตัวการใหญ่
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (18 พ.ย.) ที่บริเวณห้องพักเลขที่ 1/33 ถนนเทพกระษัตรี หมู่ 1 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร พร้อมด้วย พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ หัวหน้าชุดปราบปรามและสืบสวนหาข่าวยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามและสืบสวนหาข่าวยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดแก๊ง “เจ๊นา” ซึ่งเจ้าตำรวจชุดชุดปราบปรามและสืบสวนหาข่าวยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จับกุมได้เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 4 คน
ประกอบด้วย 1.นายอิมรัม หรือบังสี เจะโว อายุ 36 ปี จับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ 3/14 ซ.สหกรณ์เขต หมู่ 2 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์ น้ำหนักรวม 6 กรัม 2.นายสราวุธ หรือเบิร์ด ทันระกัน อายุ 28 ปี จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 35/42 หมู่ 1 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์ 50 กรัม ยาบ้า จำนวน 1,000 เม็ด อาวุธปืนสั้นไม่มีหมายเลขทะเบียนขนาด.380 มม. จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .380 มม.จำนวน 50 นัด รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน กค.2010 จำนวน 1 คัน 3.นายทรงวุฒิ หรือเอก แตงอุทัย อายุ 37 ปี จับกุมได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ หลังแมนชันบริเวณถนนแม่หลวน ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์ จำนวน 50 กรัม ยาบ้า จำนวน 3,800 เม็ด และนายสมคิด หรือบ่าว ประทีบทอง อายุ 38 ปี จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 1/33 ถ.เทพกระษัตรี หมู่ที่ 1 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวน 16,000 เม็ด อาวุธปืนสั้นไม่มีหมายเลขทะเบียนขนาด 11 มม.ยี่ห้อโคลท์ รุ่นเฉพาะครบรอบ 108 ปี ซึ่งผลิตมาเพียงแค่ 108 กระบอกเท่านั้น อาวุธปืนขนาด 11 มม. และกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 50 นัด รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าแจ๊ซ ป้ายแดง ก 3630 จำนวน 1 คัน
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ พล.ต.ต.พชร กล่าวว่า ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายอิมรัน หรือบังสี อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 3/14 ซ.สหกรณ์ หมู่ 2 ต.รัษฎา มีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติดลักษณะเครือข่าย เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายอิมรัม อยู่ที่บ้านจึงขอตรวจค้น จากการตรวจค้นพบยาไอซ์ จำนวน 6 กรัม อยู่ในกระเป๋ากางเกง จึงนำตัวมาสอบสวนขยายผล จากการสอบสวนนายอิมรัม รับว่าซื้อยาเสพติดมาจากนายสราวุธ หรือเบิร์ด พร้อมนำเจ้าหน้าที่ไปยังบ้านของนายสราวุธ ที่บ้านเลขที่ 35/42 หมู่ 1 ต.วิชิต เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบนายเบิร์ด อยู่ภายในบ้านเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้น พบของกลางยาไอซ์ จำนวน 50 กรัม และยาบ้า จำนวน 1,000 เม็ด รวมทั้งอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน จากการสอบสวนนายเบิร์ด ให้การว่าซื้อยาเสพติดมาจาก นายทรงวุฒิ หรือนายเอก
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปที่บ้านนายทรงวุฒิ หรือนายเอก ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ หลังแมนชันบริเวณถนนแม่หลวน ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากการตรวจสอบพบยาไอซ์ จำนวน 50 กรัม และยาบ้า จำนวน 3,800 เม็ด ซึ่งนายทรงวุฒิ ให้การว่า ยาเสพติดทั้งหมดเป็นของนายสมคิด หรือบ่าว เมื่อได้ข้อมูลทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เดินทางไปยังห้องพักของนายสมคิด ที่บ้านเลขที่ 1/33 ถ.เทพกระษัตรี หมู่ที่ 1 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อไปถึงพบนายบ่าว ภายในห้องพัก เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังบุกเข้าตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 8 มัด รวม 16,000 เม็ด อาวุธปืนสั้น จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง
โดยนายสมคิด ยอมรับว่ายาบ้าทั้งหมดสั่งมาจาก “เจ๊นา” ซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยครั้งนี้สั่งมาเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 11 มัด จำนวน 22,000 เม็ด ซึ่งเจ๊น้า ให้ถือขึ้นรถบัสโดยสารสายกรุงเทพฯ-ภูเก็ต โดยนัดส่งมอบกันที่ บขส.ใหม่ จ.ภูเก็ต หลังจากได้ยาบ้าแล้วก็จะนำมาเก็บไว้ที่บ้านเช่า บ้านเลขที่ 1/33 ถ.เทพกระษัตรี หมู่ที่ 1 ต.เกาะแก้ว หลังจากขายได้ก็จะโอนเงินกลับไปให้เจ๊นา ซึ่งทำมาแล้วประมาณ 5-6 เดือน สำหรับในส่วนของตนนั้นได้กระจายยาในลักษณะขายส่งให้แก่เครือข่ายซึ่งจะโทรศัพท์มาขอซื้อ เมื่อมีการสั่งมาก็จะให้เด็กส่งยามารับยาจากตนเอง และนำไปส่งให้แก่ลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะขายมัดละประมาณ 230,000 บาท ส่วนอาวุธปืนนั้นเพิ่งซื้อมาในราคา 2 แสนบาท รวมทั้งรถยนต์เก๋งก็เพิ่งซื้อมาไม่นาน
พล.ต.ต.พชร กล่าวต่อไปว่า สำหรับเครือข่ายนี้เชื่อว่ายังมีอีกหลายคน เพราะจากการตรวจสอบบัญชีรายชื่อที่นายสมคิด ทำไว้พบว่า ยังมีอีกหลายคน ซึ่งได้มอบหมายให้ พ.ต.อ. อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เร่งสืบสวน และติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้หมด โดยเฉพาะในส่วนของ “เจ๊นา” ซึ่งเป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ก็ให้สืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทราบว่ามีการเปิดบัญชีธนาคารไว้ที่ภูเก็ตหลายแห่งเพื่อให้เครือข่ายโอนเงินจากการค้ายาเสพติดเข้าบัญชี ซึ่งจะต้องตามยึดทรัพย์กลับมาให้หมด ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ต การจับกุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับกุมเครือข่ายใหญ่ เพราะการแพร่ระบาดของยาเสพติดในภูเก็ตนั้นส่วนใหญ่เป็นการแพร่ระบาดในกลุ่มรายย่อยที่นำยาเสพติดจำนวนไม่มากเข้ามากระจายในพื้นที่ ซึ่งเรื่องของการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภูเก็ตนั้นตนจะทำให้ผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่สูญพันธุ์