ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “หลวงลุงสุเทพ” หนีบอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ เดินสายทอดกฐินที่ จ.สงขลา พร้อมเปิดเวทีปราศรัยกับมวลมหาประชาชน เผยขายหนังสือชีวประวัติ และนิตยสารผู้หญิง LIPS ที่มีเรื่องขึ้นปกสมทบกองบุญ วอนชาวสวนยางแม้ราคาตกก็อย่าออกมาเคลื่อนไหว ประกาศชัดต้องให้เวลา “บิ๊กตู่” แก้ปัญหาเพราะเป็นพวกเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (4 พ.ย.) พระปภากโรภิกขุ หรือพระสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เดินทางจากวัดธารน้ำไหล หรือวัดสวนโมกขพลาราม ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ไปร่วมงานทอดกฐินที่วัดเนินพิจิตร ต.พิจิตร อ.นาหม่อม จ.สงขลา โดยมีอดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมคณะด้วยพร้อมหน้า ไม่ว่าจะเป็นนายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.มหาดไทย นายวิรัตน์ กัลยาศิริ นายเจือ ราชสีห์ รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่นมากหน้าหลายตา
ภายหลังทำพิธีทอดกฐิน ณ ศาลาบนเนินกลางวัด เจ้าภาพก็ได้ประกาศเชิญให้หลวงลุงสุเทพ หรือพระสุเทพ เทือกสุบรรณ ลงไปยังบริเวณเต็นท์ใหญ่กลางลานวัดหน้ากองอำนวยการ เพื่อปราศรัยแก่ประชาชนที่มาร่วมงานนับพันคน ซึ่งพระสุเทพ ได้เริ่มต้นด้วยการทักทายญาติโยมที่มาร่วมงานในนามมวลมหาประชาชน และเคยร่วมต่อสู้กับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นั่นเอง
หลวงลุงสุเทพ บอกเล่าเรื่องราวในช่วงที่นำมวลมหาประชาชนต่อสู้กับรัฐบาลทรราชต่อเนื่องมาจนเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ในช่วงหนึ่งย้ำว่า เมื่อตนตัดสินใจบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่วีรชนที่ร่วมต่อสู้มาด้วยกัน โดยมีวีรชนผู้เสียชีวิต 24 ราย และยังบาดเจ็บอีกกว่า 70 ราย ซึ่งก็ได้ช่วยเหลือเยียวยาไปอย่างเพียงพอแล้ว เช่น ลูกของผู้เสียชีวิตก็มีการเปิดบัญชีธนาคารให้คนละอย่างน้อย 2 ล้านบาทเพื่อเป็นทุนการศึกษา เป็นต้น แล้วยังจะมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ต่อเนื่องไป
“มีคนถามอาตมาว่าจะสึกเมื่อไหร่ คำตอบก็คือ เวลานี้อาตมาบวชมาแล้วกว่า 3 เดือน ตั้งใจว่าจะบวชต่อเนื่องไปให้ได้ไม่น้อยกว่า 204 วัน อันเป็นห้วงเวลาที่ร่วมยืนหยัดต่อสู้กับมวลมหาประชาชนมา แล้วเมื่อครบกำหนดแล้วก็ค่อยว่ากันใหม่ว่าจะยังคงบวชต่อหรือสึก แต่เมื่อลั่นวาจาไปแล้วว่าจะไม่กลับไปเล่นการเมืองอีก เรื่องนี้ตนยังจำ และยึดถืออยู่” หลวงลุงสุเทพกล่าว
ช่วงหนึ่งของการปราศรัย หลวงลุงได้กล่าวว่า ท่านเจ้าอาวาสวัดเนินพิจิตร วาดหวังที่จะให้พิธีทอดกฐินวันนี้มียอดเงินทำบุญให้วัดไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งตนก็ได้นำหนังสือชีวิประวัติที่มีคนมาสัมภาษณ์ และไปรวบรวมเขียนขึ้นสมัยที่ยังร่วมเวทีต่อสู้อยู่บนถนนมาจำหน่ายในวันนี้ด้วย โดยราคาขายมีทั้งส่วนที่ตนจ่ายเงินซื้อมากับกำไรที่ได้รวมเล่มละ 400 บาท ทั้งหมดจะสมทบทุนเข้ากองกฐินในวันนี้ นอกจากนี้ ยังนำนิตยสารผู้หญิง LIPS ฉบับที่ได้มาทำเรื่องตนขึ้นปกมาจำหน่ายด้วยในราคาเล่มละ 200 บาท รายได้ส่วนนี้จะนำไปตั้งเป็นกองทุนใช้สำหรับกิจกรรมบวชพระที่จัดขึ้นที่วัดสวนโมกขพลารามในทุกๆ เดือน
เกี่ยวกับปัญหาบ้านเมืองในเวลานี้นั้น หลวงลุงสุเทพ กล่าวไว้ค่อยข้างยาวในช่วงหนึ่งว่า ตนได้นำมวลมหาประชาชนลุกขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลทรราชมาแล้วช่วงเวลาหนึ่ง แต่เวลานี้บ้านเมืองก็ยังคงมีปัญหาอยู่ เราจึงต้องไว้ใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เขาได้ใช้เวลาในการแก้ไขไปก่อน ซึ่งไม่ว่าจะ พล.อ.ประยุทธ์ หรือรัฐบาล หรือ คสช.ก็ถือว่าเป็นพวกเดียวกับเรานั่นเอง
“เรื่องของชาวสวนยางก็อยากฝากว่า พวกเราอย่าเพิ่งออกมาเคลื่อนไหวอะไรในเวลานี้ ทางรัฐบาลก็พวกเดียวกัน เขาก็รับปากแล้วว่าจะพยายามผลักดันราคาให้ขึ้นไปอยู่ที่ 62 บาทต่อกิโลกรัมให้ได้ เมื่อเช้าอาตมาเดินทางผ่านสหกรณ์โคออฟที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก็เห็นประกาศราคาอยู่ที่ประมาณ 52 บาทต่อกิโลกรัม ก็เหลือเพียงอีก 10 บาทเท่านั้น จึงต้องให้เวลารัฐบาลแก้ปัญหา อาตมาก็ได้ให้คำแนะนำไปแล้วด้วย จริงๆ แล้วอยากจะบอกว่าควรต้องดันขึ้นไปให้ถึง 80 บาทต่อกิโลกรัม ชาวสวนยางบ้านเราถึงจะอยู่ได้อย่างสบายใจ” พระสุเทพ กล่าว
