นครศรีธรรมราช - จับบ่อนในวัดชักวุ่นหนัก! สำนักพระพุทธศาสนายันสถานะ “วัดควนหนองหงส์” จ.นครศรีฯ ยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายยังมีสถานะแค่ที่พักสงฆ์ พร้อมชงเรื่องเสนอคณะสงฆ์ดำเนินการแล้ว ขณะที่ตำรวจเผยไม่มีการส่งรถยนต์มาเป็นของกลางในคดี พบมีรายได้เข้าต่อวันถึง 10,000 บาท ส่อตำรวจในพื้นที่บางรายให้ความสะดวก
วันนี้ (30 ต.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังจากเจ้าหน้าที่ พ.อ.อ.ศุภโชค พราหมพูน ปลัดอำเภอ หัวหน้าชุด ฉก.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกระทรวงมหาดไทยนครศรีธรรมราช ได้รายงานผลการปฏิบัติสืบเนื่องจากการเข้าจับกุมบ่อนการพนันขนาดใหญ่ที่เปิดเล่นพนันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายภายในหอฉัน วัดควนหนองหงส์ ต.ควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยจับกุมนักพนันได้ จำนวน 11 คน ยึดอุปกรณ์การพนันชิดต่างๆ จำนวนมาก และตรวจยึดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อีกรวมกว่า 150 คัน
ความคืบหน้าในการดำเนินการช่วงบ่ายของวันนี้ (30 ต.ค.) นายคุณัญพงศ์ ทหารไทย ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนา ได้รับทราบเรื่องนี้ตั้งแต่ภายหลังเกิดเหตุ และได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนโดยการรายงานให้คณะสงฆ์ฝ่ายปกครองทราบ ตั้งแต่เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัดฝ่ายมหานิกาย และสำนักงานพระพุทธสาสนาแห่งชาติ ซึ่งกระบวนการดำเนินการในทางวินัยนั้นฝ่ายปกครองของสงฆ์จะพิจารณาเข้าดำเนินการตามวินัย และบทลงโทษ ซึ่งไม่สามารถก้าวล่วงได้
“สำหรับที่เข้าใจว่าวัดควนหนองหงส์ นั้นเป็นวัด เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่า ยังไม่มีสถานะเป็นวัดโดยถูกต้องตามกฎหมาย ยังมีสถานะอยู่แค่ที่พักสงฆ์เท่านั้น ผู้ที่ดูแลจะเรียกว่าหัวหน้าที่พักสงฆ์ คือ พระส่อง สุธัมโม อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านได้เรียกชื่อกันจนติดปากบ้างว่าวัดควนหนองหงส์ บ้างก็เป็นวัดหงส์สุรินทร์สังฆาวาส ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนั้นต้องดูที่ฝ่ายบ้านเมืองด้วยว่าจะพิจารณากันอย่างไร” ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนานครศรีธรรมราช กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.ประสิทธิ เผ่าชู ผกก.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการไปแล้วในส่วนของนักพนัน จำนวน 11 คน ที่ได้รับส่งมอบผู้ต้องหามาจากชุดกับกุม และยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการเพิ่มเติมว่า ใครมีส่วนรู้เห็นในการเปิดให้มีการเล่นพนัน โดยเฉพาะเจ้าอาวาส เจ้าสำนัก หรือที่พักสงฆ์ก็แล้วแต่ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานที่ระบุว่ามีส่วนรู้เห็น
“เพิ่งมาทราบจากผู้สื่อข่าวว่า แท้จริงแล้ววัดแห่งนี้ยังอยู่ในสถานะที่พักสงฆ์เท่านั้น ยังไม่เป็นวัดตามกฎหมาย ส่วนเรื่องของรถที่มีการตรวจยึดนั้นต้องยืนยันว่า ไม่ได้มีการนำมาส่งให้แก่พนักงานสอบสวน ที่นำมาส่งนั้นมีแค่ของกลางอุปกรณ์การเล่นพนัน เงินสด และผู้ต้องหา 11 คน ส่วนรถนั้นไม่มีการนำมาส่งแต่อย่างใด”
ด้าน พ.อ.อ.ศุภโชค พราหมพูน หัวหน้าชุดจับกุมชี้แจงว่า รถยนต์ และรถจักรยานยนต์นั้นเจ้าหน้าที่มีกำลังไม่พอจึงได้แค่นับจำนวน รวมมีรถยนต์ราว 70-80 คัน รถจักรยานยนต์อีก 70-80 คันเช่นกัน ซึ่งไม่ได้ตรวจยึดส่งให้พนักงานสอบสวน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตำรวจภูธรภาค 8 ได้เพ่งเล็งเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายในทำนองอาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่ข้อมูลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า มีการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่สถานที่ชั่วโมงละ 500 บาท เจ้ามือพนันจะต้องหมุนเวียนผลัดกันปิดรับแทงพนันรายละ 2 ชั่วโมง และมีค่าต๋ง หรือรายได้เข้าที่พักสงฆ์จำนวนหลายพันบาท ถึงกว่า 1 หมื่นบาทต่อวัน โดยมีดาบตำรวจรายหนึ่งเป็นผู้บริหารจัดการ ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้สั่งให้ พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู ผกก.สภ.ทุ่งสง รายงานข้อเท็จจริงการจับกุมเพื่อพิจารณาดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง