ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชมรมผู้ประกอบการบริการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ยืนหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ขอความเป็นธรรมว่าถูกบังคับใช้กฎหมายจนทำให้เสียอาชีพทั่วทั้งเกาะภูเก็ต ด้านกรรมการสิทธิฯ ลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายแล้ว
วันนี้ (29 ต.ค.) ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ชมรมผู้ประกอบการบริการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ได้จัดประชุมเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการ และนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นต่อคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษย์ชน โดยมี นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุม ซึ่งมีคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เข้าร่วม ผู้ประกอบการบริการด้านการท่องเที่ยว ทั้ง ร่ม เตียง แท็กซี่ หิ้วกระติกน้ำ และอื่นๆ ประมาณ 1,000 คนเข้าร่วม
โดยการประชุมในวันนี้ นอกจากจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการของชมรมแล้ว ทางผู้ประกอบการในภูเก็ตที่ได้รับความเดือดร้อนจากการจัดระเบียบชายหาดยังได้ร่วมกันสรุปปัญหา และยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนอีกด้วย
เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบการบริการท่องเที่ยวตามชายหาดต่างๆ ในภูเก็ต มองว่าการที่ทางจังหวัดภูเก็ต ได้ออกประกาศไม่ให้มีการตั้งเตียงร่ม และประกอบการใดบนชายหาด โดยอ้างนโยบายของ คสช.นั้น เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จากการลุแก่อำนาจของผู้มีอำนาจในจังหวัด จึงได้ยืนขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการสิทธิฯ ว่า กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ถูกบังคับใช้กฎหมายจนทำให้เกิดความสูญเสียอาชีพที่ทำกันมาเป็นเวลานานทั่วทุกหาดในภูเก็ต โดยอ้างว่าทำตามนโยบายของ คสช.ทางกลุ่มผู้ประกอบการจึงต้องการให้คณะกรรมการสิทธิฯ เข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้
ด้าน พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาคย์ ตัวแทนคณะอนุกรรมการตรวจสอบสิทธิมนุษยธรรมด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่ภูเก็ตเพื่อเก็บข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้ไปรับทราบข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อประมวลทั้งหมดเสนอคณะกรรมการสิทธิฯ โดยได้รับฟังจากฝ่ายราชการ ผู้ประกอบการชายหาด ผู้ประกอบการในน้ำ ผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องต่อการท่องเที่ยวทั้งหมด และประชาชนชาวของประเทศ โดยในส่วนของผู้ประกอบการตามชายหาดนั้น ได้ไปที่หาดกะตะ กะรน ป่าตอง กลมา สุรินทร์ เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการก็ได้สะท้อนปัญหาที่ไม่สามารถประกอบการได้ และขณะนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะตอบได้ว่า ผู้ประกอบการมีสิทธิที่จะลงไปประกอบการบนชายหาดได้อีกหรือไม่ จะต้องดูในเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และจะต้องพิจารณาว่าผู้ประกอบการเหล่านั้นถูกลิดรอนสิทธิหรือไม่ เพราะชายหาดเป็นที่สาธารณะที่ทุกคนมีสิทธิใช้ร่วมกัน