สตูล - คสช.เร่งอุทยานตะรุเตา ทหารเรือ จัดระเบียบเกาะหลีเป๊ะ ล่าสุด เบิกตัวผู้ต้องขังจากเรือนจำ เพื่อมาชี้รังวัดที่ดินของตนเองบนเกาะ 25 ไร่ พบต้องเร่งดำเนินคดีหลังพบมีพิรุธหลายราย
วันนี้ (25 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดโมลเดลเกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ภายใต้คำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในเรื่องการปราบปราม และหยุดยั้งการบุกรุกทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งถือว่าการจัดระเบียบครั้งใหญ่ในครั้งนี้ ทางหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 491 กองทัพเรือภาคที่ 3 รวมทั้งหน่วยงานปกครอง ตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่น ล่าสุด ผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว การจัดระเบียบเรื่องปัญหาที่ดินบนกะหลีเป๊ะ รวมทั้งการรุกล้ำก่อสร้างรีสอร์ต หรือที่พักบนเกาะทั้งที่มีเอกสารสิทธิ ทั้ง ส.ค.1 และ น.ส.3 ต้องตรวจสอบว่าพื้นที่ดินว่าก่อสร้าง หรือถมที่ดินในอาณาเขตของตนที่มีเอกสาร หรือทำขยายเกินที่พื้นที่กำหนดหรือไม่ โดยวันนี้ได้นำผู้ต้องขังในเรือนจำมาชี้รังวัดเป็นคนสุดท้ายในการจัดการปัญหาที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ
ล่าสุด นายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา พร้อมด้วยกำลังทหารจากทัพเรือภาคที่ 3 โดย น.ต.วีรพงษ์ นาคประสิทธิ์ ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 491 และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จาก จ.สงขลา ควบคุมตัวผู้ต้องหาคดีสำคัญ เจ้าของที่ดินในการทำรีสอร์ตบนเกาะหลีเป๊ะ 25 ไร่ โดยนำกำลังทหาร และเจ้าหน้าที่เรือนจำดูแลเข้มในการควบคุมตัวนำมาชี้จุดอาณาเขตพื้นที่ของตนบนกะหลีเป๊ะ
นายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวว่า การจัดระเบียบที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ ตามนโยบาการจัดระเบียบของ คสช. ขณะนี้ได้มีการเริ่มรังวัดที่ดินของชาวบ้านแล้ว เพื่อตรวจสอบว่าที่ดินเหล่านี้มีปัญหาหรือไม่ โดยรังวัดมาตั้งแต่เดือน ส.ค.57 จนถึงเดือน ต.ค. เป็นเวลา 3 เดือน โดยที่ดินมีเอกสารสิทธิเป็น ส.ค.1 จำนวน 24 แปลง 49 ราย คงเหลือ 2 ราย ที่ยังไม่ได้รังวัด น.ส.3 จำนวน 16 แปลง มี 11 ราย คงเหลืออีก 10 รายที่ยังไม่ได้รังวัด จะต้องดำเนินการเร่งรังวัด และสรุปว่าพื้นที่ใดบุกรุกหรือทำผิด จะได้ดำเนินตามการกฎหมายอย่างทันที และเราก็พบมีพิรุธหลายพื้นที่เราไม่สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้รอในการเก็บสำนวนคดีก็จะมีการแถลงข่าวต่อไป และที่เหลือไม่กี่รายนั้นเราจะเร่งดำเนินรังวัดให้เสร็จสิ้นทันปีหน้าในการจัดระเบียบเกาะ
ส่วนผู้ต้องหาคนนี้อยู่ในเรือนจำมีคดีต้องโทษ เราจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จาก จ.สงขลา ขอให้นำตัวผู้ต้องขังที่มีที่ดินดังกล่าวออกจากเรือนจำ จ.สงขลา เพื่อให้มาชี้รังวัดที่ดินของตนเอง ซึ่งเป็นที่มีเอกสารสิทธิ น.ส.3 โดยได้ทำการรังวัดเสร็จไปแล้ว และพบว่าเนื้อที่ที่ครอบครองจริงไม่ตรงกับเอกสาร ดังนั้น จะต้องมีการพิจารณากันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป รวมทั้งพื้นที่อื่นๆ ด้วย