พังงา - ตำรวจทางหลวงพังงา จับหนุ่มอ้างเป็นอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน อบต.ฉลอง ภูเก็ต ขับรถส่งยาเสพติดข้ามจังหวัด พบของกลางยาบ้า จำนวน 304 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนัก 11.60 กรัม จำนวน 2 ถุง อาวุธปืนเถื่อนพร้อมกระสุนมูลค่ากว่า 1 แสนบาท
เมื่อเวลา 17.30 น.วันนี้ (22 ต.ค.) ร.ต.อ.วินัย สายคุ้ม รอง สวป.สทล.1 กองกำกับการ 7 บก.ทางหลวง พร้อมด้วย ด.ต.กฤต แก้วศรีอ่อน ด.ต.นำชัย บุญวิโรจน์ ผบ.หมู่ สทล.1 กองกำกับการ 7 บก.ทล.แถลงข่าวจับกุม นายนัฐพล กิ่งแก้ว อายุ 34 ปี อ้างเป็นเจ้าหน้าอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สังกัดศูนย์ อปพร.อบต.ฉลอง จังหวัดภูเก็ต พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 304 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนัก 11.60 กรัม จำนวน 2 ถุง ปืนพกสั้น .38 พร้อมกระสุนในรังเพลิง 5 นัด และกระสุนปืนขนาด 380 อีก 3 นัด บัตร ATM ธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 3 ใบ ธนาคารกสิกรไทย 1 ใบ เงินสด 2,170 บาท โทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง เครื่องชั่งยาไอซ์ 1 เครื่อง และอุปกรณ์ในการเสพยา และรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าวีออส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กท 7553 ภูเก็ต โดยจับกุมได้บนถนนเพชรเกษม หลัก กม.30-31 สาย อ.ตะกั่วป่า-อ.กะปง หน้าวิทยาลัยการอาชีพตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า ขณะขับรถเข้าพื้นที่จังหวัดพังงา เพื่อส่งยาบ้า ยาไอซ์ให้ลูกค้าในพื้นที่ อ.กะปง จ.พังงา
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงพังงา กำลังตั้งจุดตรวจพบว่ารถเก๋งคันดังกล่าวขับผ่านด่านด้วยท่าทีพิรุธ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบอาวุธปืน .38 ซุกซ่อนใต้คอนโซลซ้ายมือคนขับอย่างมิดชิด และยาบ้า จำนวน 304 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนัก 11.60 กรัม จำนวน 2 ถุง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้นำตัว นายนัฐพล กิ่งแก้ว อายุ 34 ปี มาสอบสวนเพิ่มเติมที่ป้อมตำรวจทางหลวงบ้านน้ำเค็มให้การรับสารภาพว่า ตนขับรถจากจังหวัดภูเก็ต เพื่อจะนำยาบ้า และยาไอซ์ส่งให้แก่ลูกค้าที่ อ.กะปง จ.พังงา โดยส่วนใหญ่จะใช้เส้นทางลัดเข้าหมู่บ้านไม่ผ่านถนนเพชรเกษมเพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ แต่หากเจอด่านตรวจตนก็จะโชว์บัตรเจ้าหน้าที่ อปพร.เพื่ออำนวยความสะดวกในการผ่านด่านแต่ละครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ตนขับรถออกจากถนนหมู่บ้านดอกแดง ผ่านถนนเพชรเกษมไม่ถึง 10 กิโลเมตร จนมาเจอด่านตำรวจทางหลวงพังงาสกัดจับเสียก่อน
จึงแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า ยาไอซ์ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรหรือเหตุจำเป็นอันเร่งด่วน ซึ่งของกลางทั้งหมดนี้มีมูลค่ากว่า 1 แสนบาทบาท เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางทั้งหมด พร้อมควบคุมผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตลาดใหญ่ จ.พังงา เพื่อดำเนินคดีต่อไป
