xs
xsm
sm
md
lg

“เกาะเต่า” เรื่องที่ฉันไม่เคยเล่าให้ใครฟัง (ตอนที่ 7) ชายใจดีผู้ขี่มอเตอร์ไซค์มาช่วยในคืนนั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย..เงาศิลป์

(“เงาศิลป์” เกิดทางใต้ แต่เติบโตที่ภาคกลาง และใช้ชีวิตเร่ร่อนในวัยสาวทั่วประเทศไทย เพราะหลงรักเสรีภาพ และการเดินทางมากกว่าทุกสิ่ง เธอจดบันทึกทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จนบัดนี้พยายามปักหลักหยั่งรากบนแผ่นดินอีสาน ทำงานอยู่กับต้นไม้ ยิปซีสาวแห่งทุ่งอักษรผู้แสวงหาอะไรสักอย่างที่ไม่กล้าประกาศออกไป ด้วยความหวังว่าสุดท้าย...อาจได้เจอสิ่งนั้น)
เกาะเต่า ราวปี 2537 (ภาพ : เงาศิลป์)
 
สายวันหนึ่ง..ที่ท่าเรือ ในขณะที่ผู้คนจอแจวุ่นวายกับการเดินทาง วันนั้น ฉันนั่งอยู่บนทางเท้า เบื้องหน้าเป็นสินค้าทำมือ ทั้งสร้อย แหวน ต่างหู ที่ทำเองจากเงิน และเสื้อผ้าเย็บมือปักลวดลายสไตล์ยิปซี มีชายชราคนหนึ่งเดินโซซัดโซเซเข้ามาหา แล้วทำท่าขอกล้วยหอมที่กำลังจะเข้าปากฉัน ฉันชะงัก หยิบลูกใหม่ส่งให้ แกรับแล้วผงกหัวคล้ายขอบคุณ หันหลังเดินพลางพยายามเอากล้วยลูกนั้นเหน็บไว้ที่เอวกางเกงเล แกเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ทรุดลงแล้วนอนแน่นิ่งบนพื้นถนน ฉันอึ้ง...มองดูคนอื่นๆ ที่ยังวุ่นวายสับสน ฝรั่งสาวๆ ที่เดินเฉียดร้องตกใจ คนพื้นเมืองที่คุ้นหน้าก้มมองอย่างชาเฉย ฉันจึงยกกล้องถ่ายรูปขึ้น ฉากแบบนี้บางทีอาจใช้ทำอะไรได้

ร่างเล็กๆ ผิวคล้ำหนังเหี่ยว เนื้อตัวแกแทบจะเปล่าเปลือย เพราะขอบกางเกงสีฟ้าซีดตัวนั้นหลุดออก กล้วยลูกนั้นหล่นลงข้างกาย นั่นคือภาพที่เห็นจากในเลนส์ ฉันขอโทษแกอยู่ในใจ ก่อนกดชัตเตอร์ กริ๊ก แต่พอครั้งที่สอง มีเสียงดังมาจากข้างหลัง

“อย่าถ่ายเลยคุณ ผมขอร้อง อย่าถ่ายแกเลย”

หันไปมองหน้าใครคนนั้น ฉันพอจะจำเขาได้ว่า เป็นคนที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างนั่นเอง

“ผมขอร้องนะ อย่าถ่ายรูปแกเลย”

น้ำเสียงเขาสุภาพ ฉันจึงรีบรับคำ และขอโทษอย่างรู้สึกสำนึกผิด แต่ทว่าอีกใจหนึ่งก็ยังแย้งว่า แล้วทำไมไม่ดูแลกันให้ดีๆ ทำไมปล่อยคนแก่ให้เมามายนอนอยู่กลางถนนแบบนี้

ฉันหันไปสบตาเขา และสัญญาว่าจะไม่เอาภาพนี้ไปเผยแพร่ที่ไหนเด็ดขาด เราคุยกันอีกนิดหน่อย ฉันจึงได้รู้ว่าชราคนนี้คือใคร และทำไมต้องเมาขนาดนี้

ชายชราคนนี้ ต่อมาคือเพื่อนซี้ของน้าชาญ ที่ทำให้ฉันเกือบเสียน้ำตาให้แกบ่อยครั้ง

ชื่อของพี่คนนี้ฉันจำไม่ได้ แต่ที่จำได้คือ เขาเป็นผู้ชายชาวเกาะที่หน้าตาดีมีท่าทีสุภาพที่สุด และพูดน้อยคำที่สุด ซึ่งแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่มีนิสัยพูดเสียงดังมาก มากที่สุดกว่าท้องถิ่นไหนๆ ในประเทศไทย อาจเป็นเพราะเกาะนี้คลื่นลมแรง เวลาขับเรือต้องเร่งเครื่องจนเสียงดังแล้วแก้วหูของพวกเขาเสื่อม จนต้องตะโกนใส่กัน คนมาจากแผ่นดินใหญ่จะไม่ชินกับเสียงดังอย่างนี้ แรกๆ ฉันต้องปรับอารมณ์ให้ทันกับเสียงดังของทุกคนที่คุยกันรอบๆ ตัว แม้แต่การคุยของเพื่อนบ้านที่บ้านเช่า

ปรับหูให้ยอมรับเสียงดังๆ ปรับใจให้ยอมรับฟังเสียงคุยดังลั่นราวกับทะเลาะ สองอย่างนี้ทำได้ เป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจพวกเขา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันทำใจอยู่นานนับปีกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะเขาจะใช้เปิดประโยค และเปิดท้ายประโยคในทุกครั้งที่คุยกัน

คือคำว่า “หัว.......ด” โดยเฉพาะพฤกษา ตัวดีนักล่ะ

(อ่านต่อตอนที่ 8)
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น