นราธิวาส - รักษาการ ผอ.โรงเรียนบอเกาะ สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเคยถูกเผาเมื่อปี 47 เผยสะเทือนใจทุกครั้งที่เห็นข่าวโรงเรียนถูกเผา ระบุเป็นการซ้ำเติมให้เด็กนักเรียนเสียโอกาสทางการศึกษา ชี้ที่ผ่านมา ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีกว่าที่จะกลับมาใช้ห้องเรียนตามปกติหลังถูกเผา ด้าน นร.ตั้งคำถาม “เผาโรงเรียนหนูทำไม?”
วันนี้ (13 ต.ค.) หลังจากเกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผาโรงเรียนหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดปัตตานี นายสุทธิชัย อินทรวงศ์ รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบอเกาะ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ถูกลอบวางเพลิงเผาจนอาคารเรียนได้รับความเสียหายในช่วงปี 2547 กล่าวว่า ทุกครั้งที่ทราบว่ามีการเผาโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนเองรู้สึกสะเทือนใจมาก เพราะรับทราบถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายถึงชีวิต แต่เป็นการเสียโอกาสของนักเรียน เพราะเมื่ออาคารเรียนถูกเพลิงไหม้ หนังสือ และอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนถูกทำลายไปทั้งหมด เด็กนักเรียนก็ไม่มีห้องเรียนให้นั่งเรียนตามปกติ ต้องจัดสถานที่เรียนให้ใหม่ ส่วนใหญ่ก็ใช้บริเวณสนามในโรงเรียน ต้องกางเต็นท์เพื่อใช้เป็นห้องเรียนชั่วคราวจนกว่าอาคารเรียนหลังใหม่จะแล้วเสร็จ
ซึ่งของโรงเรียนบ้านบอเกาะ ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มกว่าเด็กนักเรียนจะได้ใช้ห้องเรียนตามปกติ โดยในช่วงนี้แม้โรงเรียนจะปิดภาคเรียน แต่ก็จะเปิดเรียนพร้อมกันในช่วงวันที่ 3 พ.ย.57 นี้ ที่เข้าสู่ช่วงหน้าฝน เด็กนักเรียนของโรงเรียนที่ถูกเผาจนอาคารเรียนเสียหายจะไปเรียนที่ไหน เรียนอย่างไร อาคารเรียนที่ต้องซ่อมบำรุง หรือสร้างใหม่ อุปกรณ์การเรียนที่ถูกทำลายไป กว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมก็ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการพอสมควร
การเผาโรงเรียนจึงเป็นการสร้างผลกระทบโดยตรงให้แก่เด็กนักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการซ้ำเติมให้มีบาดแผลทางใจ จนหลายครั้งที่ถูกเด็กนักเรียนตั้งคำถามว่า “เผาโรงเรียนหนูทำไม” จึงอยากถามกลับไปถึงผู้ก่อเหตุด้วยว่า เผาโรงเรียนทำไม เพื่ออะไร แล้วใครได้ประโยชน์จากความเสียโอกาสทางการศึกษาของนักเรียนที่เป็นลูกหลานของคนในพื้นที่
ขณะที่ นายธวัช แซ่ฮ่ำ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต2 กำชับให้ผู้บริหารสถานศึกษาประสานหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ให้ช่วยดูแล และเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยสถานศึกษาทุกแห่ง ขณะเดียวกัน ต้องการให้ขอความร่วมมือชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้สถานศึกษาในการช่วยสอดส่องบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยที่อาจเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีก