ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ศาลเจ้ากะทู้ อายุกว่า 200 ปี และเป็นศาลเจ้าแห่งแรกที่เริ่มจัดงานประเพณีถือศีลกินผัก ประกอบพิธีแห่พระรอบเมือง มีชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวร่วมชมเป็นจำนวนมาก
วันนี้ (1 ต.ค.) บรรยากาศการประกอบพิธีแห่พระรอบเมืองภูเก็ต งานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2557 ซึ่งเป็นวันที่ 8 ของการจัดงานประเพณีถือศีลกินผักบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติหลายพันคน ออกมารอรับขบวนแห่พระของศาลเจ้าหล่ายถู่ต่าวโบเก้ง หรือศาลเจ้ากะทู้ ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอพรจากองค์พระ และชมการแสดงอิทธิฤทธิ์ของม้าทรง โดยการใช้ของแหลม ของมีคมต่างๆ ทั้งใน และนอกตำนาน ประกอบด้วย หัวมณฑล เหล็กแหลม ไม้บรรทัดเหล็ก เหล็กแผ่นฉลุลาย มีดดาบ มีด ร่ม ทิ่มแทงตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณกระพุ้งแก้ม ลิ้น ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการรับเคราะห์แทนผู้ถือศีลกินผัก
สำหรับขบวนแห่พระของศาลเจ้ากะทู้ ได้เคลื่อนออกจากศาลเจ้ามุ่งหน้าเข้าตัวเมืองภูเก็ต เพื่อไปประกอบพิธีอัญเชิญกระถางธูปศักดิ์สิทธิ์ ที่บริเวณสระน้ำ สะพานหิน ภูเก็ต กลับศาลเจ้า ทั้งนี้ เมื่อขบวนแห่พระผ่านมาถึงจุดที่มีประชาชนชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวที่ตั้งโต๊ะบูชาพระ ได้มีการนำประทัดแพจำนวนมากจุดใส่ขบวนพระเพื่อเป็นการต้อนรับ ในโอกาสเสด็จออกประพาสเพื่อโปรดสัตว์ หรือออกเยี่ยมราษฎรของพระมหากษัตริย์ โดยมีขบวนธง และป้ายชื่อแห่นำหน้า จากนั้นเป็นเกี้ยวหามรูปพระ เรียกว่า ไท่เปี๋ย หรือเสลี่ยงเล็ก โดยหามรูปพระบูชาต่างๆ ออกนั่งเกี้ยวไป ซึ่งจัดตามชั้น และยศของเทพ จากนั้นเป็นขบวนของนิ่วสิ่ว หรือฉัตรจีน ตามด้วยพระเกี้ยวใหญ่ หรือเสลี่ยงใหญ่ ซึ่งมักใช้คน 8 คนหาม ซึ่งเป็นที่ประทับองค์กิ้วฮ๋องไต่เต่ ทำให้พื้นที่ตัวเมืองภูเก็ตในเส้นทางที่ใช้ประกอบพิธีแห่พระถูกปกคลุมไปด้วยเสียง และควันจากประทัด
สำหรับศาลเจ้ากะทู้ ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของภูเก็ต มีอายุกว่า 200 ปี นับว่าเป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีถือศีลกินผักของชาวภูเก็ตที่สืบต่อมากระทั่งปัจจุบัน ศาลเจ้ากะทู้ ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านกะทู้ อ.กะทู้ ตามประวัตินั้นในสมัยที่มีชาวจีนเป็นจำนวนมากเข้ามาเป็นกรรมกรเหมืองแร่ในภูเก็ตได้เกิดโรคระบาดขึ้น คณะงิ้วจากเมืองจีนที่มาทำการแสดงที่บ้านกะทู้ เกรงว่าอาจเป็นเพราะพวกตนไม่ได้ถือศีลกินผักตามที่เคยปฏิบัติกันมาที่ประเทศจีน จึงได้จัดพิธีถือศีลกินผักขึ้น 9 วัน 9 คืน ตามความเชื่อที่มีมา รวมทั้งช่วยกันสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย หลังจากนั้น โรคร้ายก็หายไป ชาวบ้านกะทู้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงจัดให้มีพิธีถือศีลกินผักต่อเนื่องกันมา จากนั้นไม่นานประเพณีถือศีลกินผักก็แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ
ต่อมา หลวงอำนาจนรารักษ์ (ต้นตระกูลตัณฑเวทย์) ซึ่งเป็นนายเหมืองใหญ่ และเป็นผู้นำชุมชนบ้านกะทู้ ได้ส่งคนไปนำเอา “เหี่ยวเอี้ยน” หรือขี้เถ้าธูป และกระถางธูปจากมณฑลกังใส ประเทศจีน มาไว้ที่ศาลเจ้ากะทู้ เพื่อให้พิธีถือศีลกินผักมีความถูกต้องสมบูรณ์ ศาลเจ้ากะทู้ จึงได้ชื่อว่าเป็นจุดกำเนิดของประเพณีถือศีลกินผักบนเกาะภูเก็ตในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ศาลเจ้ากะทู้ จัดให้มีการถือศีลกินผัก 2 ครั้ง เนื่องจากในปีนี้ ตามปฏิทินจีน (จันทรคติ) ได้กำหนดมีเดือน 9 สองครั้ง โดยเดือน 9 ครั้งแรก เป็นเดือนใหญ่ มี 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน ถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2557 ส่วนเดือน 9 ครั้งหลัง เป็นเดือนเล็ก มี 29 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 จึงถือได้ว่า ในปี 2557 นี้ มีวันเก้าโหง้ยโชยอีดถึงโชยเก้า ถึงสองครั้ง ซึ่งทางศาลเจ้ากะทู้ จะจัดให้มีการถือศีลกินผักครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 57
ในส่วนวันพรุ่งนี้ (2 ต.ค.) จะเป็นวันสุดท้ายของการประเพณีถือศีลกินผัก ประจำปี 2557 และศาลเจ้าซุ่ยบุ่นต๋อง (ศาลเจ้าหล่อโรง) จะทำพิธีแห่พระรอบเมืองเวลา 08.00 น. เป็นต้นไป และในช่วงเวลา 23.00 น. ศาลเจ้าทุกศาลเจ้าในจังหวัดภูเก็ตจะประกอบพิธีส่งพระ (กิ่วอ๋องไต่เต่-หยกอ๋องซงเต่)