ตร.เชิญเพื่อนชายนักท่องเที่ยวถูกฆ่าโหดที่เกาะเต่าสอบเพิ่มหลังพบกางเกงเปื้อนเลือด

สุราษฎร์ธานี - ตำรวจยังตามติดคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ส่งชุดเก็บหลักฐานตรวจค้นห้องพักของนักท่องเที่ยวฝ่ายชาย พบพิรุธกางเกงของเพื่อนที่เดินทางมาด้วยกันเปื้อนเลือด แต่กลับไปซุกอยู่ในกระเป๋าเดินทางของผู้ตาย ตร.เชิญตัวสอบเพิ่มเติม ขณะที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากได้รวมตัวกันแสดงความไว้อาลัยแก่ผู้ตายทั้ง 2 คน 

สำหรับความคืบหน้ากรณีคนร้ายใช้จอบทุบทำร้าย 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ จนเสียชีวิต ซึ่งเหตุเกิดขึ้นที่บริเวณชายหาดทรายรี ม.1 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อเวลา 23.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ย่อย ต.เกาะเต่า ได้เชิญตัวนายณรงเดช กาญจพิน และภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของ “โอเซียนวิว บังกะโล” ที่ผู้ตายทั้ง 2 คน เข้าพักก่อนเสียชีวิต ไปสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งจากการสอบปากคำเจ้าของบังกะโล ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกระเป๋าเดินของนายเดวิด วิลเลียม ผู้เสียชีวิต พบกางเกงของนายคริสโตเฟอร์ อลันแว ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง และขณะนี้ยังอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และตำรวจท่องเที่ยว โดยไม่เปิดเผยที่อยู่ที่จัดเจน

ขณะที่ผลการตรวจพิสูจน์ศพของผู้เสียชีวิตในเบื้องต้น พบว่า ในมือของ น.ส.ฮันน่า วิทตอเรีย มีเส้นขนสีทองที่เป็นของชาวยุโรปติดอยู่ และช่องคลอดมีน้ำอสุจิ และเม็ดทราย ส่วนในทวารหนักของนายเดวิด วิลเลียม พบน้ำอสุจิ ส่วนผลการตรวจดีเอ็นที่ชัดเจนจะออกมาวันนี้ ถ้าผลตรวจออกมาก็จะมีความชัดเจนในเรื่องของคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (16 ก.ย.) นัดท่องเที่ยวชาวต่างชาติรวมตัวกว่า 100 คน ร่วมจุดเทียนวางช่อดอกไม้ไว้อาลัยแก่ 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่ถูกฆาตกรรมโหด ที่บริเวณหาดทรายรี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด นักท่องเที่ยวบางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะเสียใจต่อเหตุการณ์เกิดขึ้น

ในขณะที่ พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังไล่ล่าหาตัวชายปริศนาคาดกว่าเป็นชาวเอเชียที่กล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุจับภาพไว้ได้ในเวลาใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเบาะแสเดียวที่ทางเจ้าหน้าที่มีอยู่ พร้อมกับฝากขอร้องให้สื่อตรวจสอบข้อมูลก่อนนำเสนอข่าว เพราะข่าวที่นำเสนออาจจะสร้างความสับสน หรือความตกใจแก่นักท่องเที่ยว และกระทบต่อการท่องเที่ยวระยะยาว