นราธิวาส - ผบ.กำลัง 3 ฝ่าย นราธิวาส ร่วมแถลงข่าวกรณีทหารปะทะ ยิง ด.ช.วัย 14 ปี เสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่ขอเวลาอีก 7 วัน ทุกอย่างจะกระจ่าง ส่วนคดีคืบหน้าไปแล้ว 80% ด้านญาติมีความมั่นใจมากขึ้น
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (31 ส.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธร อ.เมือง จ.นราธิวาส นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส พล.ต.สิงหศักดิ์ อุทัยมงคล ผบ.ฉก.จ.นราธิวาส และ พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบ.ก.ภจว.นราธิวาส ได้ร่วมแถลงถึงความคืบหน้าในคดีกรณีที่เมื่อวันที่ 21 ส.ค.57 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.40 น. เกิดเหตุคนร้าย จำนวน 7 คน ใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน ได้ขับผ่านหน้าฐานปฏิบัติการ ร้อย ฉก.ทพ.4916 พร้อมใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ซึ้งกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในฐาน และมีการยิงตอบโต้ ทำให้ ด.ช.มูฮำหมัดอาซูวัน ซอเฮาะ อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ม.5 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
โดยใกล้กันพบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม. ตกอยู่ข้างกาย พร้อมรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสแมช สีดำ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความกังวลสงสัยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ส่งผลให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.ในพื้นที่ต้องนำบรรดาญาติๆ ของผู้เสียชีวิตมาร่วมรับฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย
นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนได้รับรายงานเบื้องต้นว่า มีเหตุดังกล่าวจริง จึงได้กำชับไปยังผู้การฯ ตำรวจ และ ผบ.ฉก.ให้ดูแลในคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา และเป็นไปด้วยความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งได้กำชับให้หาพยานหลักฐานให้รัดกุม เพื่อดำเนินคดีต่อคนผิดให้ได้
ด้าน พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบ.ก.ภจว.นราธิวาส กล่าวถึงผลการดำเนินการทางคดีในขณะนี้คืบหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยตนในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนสืบสวนได้ตั้งประเด็นการดำเนินการในคดีนี้ไว้ 3 ขั้นตอน คือ 1.จะมีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพการตายของผู้ตายว่า เกิดจากเจ้าพนักงาน เนื่องจากเป็นคดีวิสามัญฆ่าตกรรม ซึ่งผลจะออกมาอย่างไรนั้น ก็จะว่าไปตามนั้น 2.ในส่วนของคดีที่เจ้าหน้าที่อ้างว่า เป็นการยิงตอบโต้คนร้ายจนเสียชีวิตนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และ 3.การที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าผู้ตายใช้อาวุธยิงใส่ฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่นั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งจะต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ
ถ้าหลักฐานพาดพิงไปถึงผู้ใดว่าเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร หรือตำรวจ หรือฝ่ายใดก็ตาม เรายืนยันจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และตรงไปตรงมา อย่างไรก็ดี คดีนี้ทางทีมงานสืบสวนสอบสวนขอเวลาอีก 7 วัน เชื่อว่าจะสามารถส่งสำนวนคดีให้ศาลได้ และผลออกมาอย่างไรอีก 7 วัน จะมาร่วมแถลงข่าวอีกครั้ง
ด้าน พล.ต.สิงหศักดิ์ อุทัยมงคล ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวเน้นย้ำให้แก่ญาติที่มาร่วมรับฟังการแถลงข่าวในเรื่องนี้ว่า ตนยืนยันว่า กฎหมายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งผลการสอบสวนสืบสวนของเจ้าหน้าที่จะออกมาในรูปใดก็ตาม หรือหากผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นผู้กระทำผิดจริง ก็จะต้องได้รับโทษเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพุทธ หรือมุสลิม กฎหมายต้องมีผลบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ต้องกลัวว่าตนจะปกป้องลูกน้อง หากลูกน้องกระทำผิดเสียเอง โดยจะดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างเด็ดขาด กฎหมายจะให้ความเป็นธรรมแก่ผู้บริสุทธิ์ และเป็นธรรมเท่าเทียมกันทุกคน
ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวในครั้งนี้ ทำให้บรรดาญาติๆ ของผู้เสียชีวิตมีความมั่นใจต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่มากขึ้น และพร้อมที่จะให้โอกาส และเวลาแก่เจ้าหน้าที่ได้ทำงานอีก 7 วัน ตามที่ได้ให้คำสัญญาไว้ และจะมาร่วมรับฟังผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่อีกครั้ง เมื่อครบ 7 วัน ตามสัญญา ก่อนที่จะเดินทางกลับ