ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เดินเท้าทั้งคืนเป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง จึงบรรลุเป้าหมายตามแผนเดินรอบเกาะสมุย ระยะทาง 52 กิโลเมตร หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา ถูกทหาร มทบ.41 มาสั่งห้ามเดินต่อในเช้าวันนี้ ด้านผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เตรียมหารือทีมงานก่อนลุยเดินรอบเกาะพะงันต่อ เตือนทหารกำลังผลักชาติบ้านเมืองกลับสู่สถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนเเรงยิ่งกว่าเดิม
วันนี้ (30 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเดินรณรงค์ปฏิรูปพลังงานของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ช่วงเช้าวันนี้สมาชิกส่วนใหญ่ยังคงพักผ่อนอยู่ในที่พักบริเวณใกล้กับท่าเรือบ้านหน้าทอน อ.เกาะสมุย หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ทั้งหมดกำลังหยุดพักค้างคืนอยู่ที่บริเวณศาลเจ้ากวนอู บ้านหัวถนน ได้มีนายทหารพระธรรมนูญ มณฑลทหารบกที่ 41 นำหนังสือประกาศ/คำสั่ง มาแจ้งต่อทางเครือข่ายขาหุ้นฯ ว่า ห้ามจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ปฏิรูปพลังงานรอบเกาะสมุย ในวันนี้ (30 ส.ค.) อีกโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกกักตัว 7 วัน ตามคำสั่ง คสช.
ทำให้เครือข่ายขาหุ้นฯ ตัดสินใจออกเดินเท้าต่อทันที เริ่มจากศาลเจ้ากวนอู บ้านหัวถนน มุ่งหน้าสู่ที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย บ้านหน้าทอน รวมระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 5 ชั่วโมง จึงไปถึงที่หมายในเวลาประมาณ 02.24 น.
นายเอกชัย อิสระทะ ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เปิดเผยต่อ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ว่า ตามกำหนดการเดิมในวันนี้เครือข่ายขาหุ้นฯ จะเดินทางต่อไปยัง อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเดินรณรงค์รอบเกาะลักษณะเดียวกับการเดินรอบเกาะสมุย
“แต่หลังจากที่ทหาร มทบ.41 มาห้ามไม่ให้เราเดินต่อในวันนี้ ทางเครือข่ายฯ ก็ต้องประชุมทีมงานเพื่อหารือกันอีกรอบว่าแผนงานที่วางไว้ก่อนหน้านี้ จะยังเหมือนเดิมหรือไม่ ส่วนประชาชนบนเกาะพงันนั้นทราบว่ามีความตื่นตัวในเรื่องนี้มาก และอยากมีส่วนร่วมกับกิจกรรมนี้อย่างเต็มที่”
ด้านนายอานนท์ วาทยานนท์ ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน อ.เกาะสมุย ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นในเฟชบุ๊กส่วนตัว ต่อกรณีถูกทหารสั่งห้ามเดินรณรงค์ปฏิรูปพลังงาน ว่า
สิ่งที่ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานได้กระทำ 2 วันที่ผ่านมา คือ การเข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านร้านตลาดว่า เราทุกคนต่างมีสิทธิอันชอบธรรมในการเป็นเจ้าของ จึงเป็นหน้าที่ที่ประชาชนทุกคนจะต้องหวงแหน และรับรู้ในการเอาประโยชน์จากทรัพยากรนั้น ต้องเกิดประโยชน์อย่างเป็นธรรมต่อคนทั้งประเทศ
ดังนั้น เราจึงมองไม่เห็นตรรกะใดๆ ที่ทางทหารจะนำมาใช้เพื่อหยุดการเดินของขาหุ้นในครั้งนี้ นอกเสียจากว่า ทหารใหญ่บางคนเกรงกลัวประชาชนจะรับรู้ความจริงในเรื่องผลประโยชน์จากพลังงานหรืออย่างไร
การใช้อำนาจที่มีอยู่ เพื่อปกปิดความจริง หรือความไม่เป็นธรรมด้วยคำสั่งที่ขาดการรับฟังเหตุผล ผมจึงไม่มีความเชื่อว่า ประเทศชาติเราจะเดินออกจากความไม่เป็นธรรมทางสังคม อันเป็นสาเหตุแห่งความล่มสลายของประเทศชาติ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีกได้อย่างไร
“จึงขอวิงวอนมายังท่านผู้นำทางทหารได้โปรดใช้อำนาจของท่านบนขอบเขตของความเที่ยงธรรมอันกอปรด้วยเหตุผล และความเป็นจริง เพื่อสรรค์สร้างความเป็นชาติให้กลับมา ดังคำกล่าวอ้างในการเข้ามาควบคุมอำนาจบริหารประเทศ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ก็มีความเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่การกระทำต่อขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจากฝ่ายทหารอย่าง “ขาดดุลยพินิจ” นั้นกำลังจะเป็นแรงสะท้อนกลับอันแหลมคมที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองต้องกลับเข้าสู่สถานการณ์แห่งความขัดแย้งที่รุนเเรงยิ่งกว่าเดิม น่าเสียดายโอกาสสร้าง และฟื้นฟูประเทศที่ทหารกำลังมีอยู่”
