xs
xsm
sm
md
lg

“ตีโจทย์ให้แตก” บทความของนักข่าวชายขอบที่ คสช.ต้องอ่านก่อนเริ่มการปฏิรูป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาสกร จำลองราช (ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
 
ศูนย์ข่าวภาคใต้ - คอลัมนิสต์ชื่อดังเขียนบทความเตือนสติ คสช.แนะให้ทำความเข้าใจประชาชนเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานเสียใหม่ ชี้การเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ซ้ำยังจะส่งผลดีต่อการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ ตามนโยบาย คสช.

วันนี้ (22 ส.ค.) นายภาสกร จำลองราช อดีตผู้สื่อข่าวมือรางวัลของเครือมติชน แต่ปัจจุบันได้ลาออกมาทำสำนักข่าวออนไลน์ “ข่าวชายขอบ” เพื่อเปิดพื้นที่ทางการสื่อสารให้แก่ชาวบ้านที่อยู่ชายขอบตกจากกระแสความเห็นใจจากสังคม

ภาสกร ได้เขียนบทความชิ้นหนึ่งในหน้าเฟชบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า Paskorn Jumlongrach ซึ่งในเนื้อหาระบุถึงการเคลื่อนไหวรณรงค์การปฏิรูปพลังงานอย่างเป็นธรรมของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน และท่าทีของหน่วยงานความมั่นคง นำโดย คสช.หลังจากมีการควบคุมตัวเครือข่าย จำนวน 11 คน ไว้ที่ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา

ภาสกร ระบุว่า การที่ทหารใช้มาตรการควบคุมตัวภาคประชาชนในขบวน “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ที่มีแผนเดินเท้าจากหาดใหญ่ มุ่งหน้ามายื่นข้อเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น ช่วยสะท้อนความรู้ความเข้าใจคำว่า “ปฏิรูป” ของทหารได้อย่างแจ่มแจ๋ว

ถามว่าการจัดกิจกรรมของทีมขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ทำผิดกฎหมายหรือไม่ ในมุมของทหารที่หวาดระแวง และจับจ้องอยู่กับภัยความมั่นคง ย่อมเห็นคนกลุ่มนี้เป็นปัญหา และงัดเอากฎอัยการศึกมาใช้การได้เพราะรวมตัวกันมากกว่า 5 คน

แต่ถ้า “การข่าว” ของทหารดีจริง และมองให้ไกลและลึกซึ้ง จะพบว่าขบวนภาคประชาชนกลุ่มนี้มิใช่ภัยความมั่นคงใดๆ เลย ในทางตรงกันข้าม นี่คือจุดเริ่มต้นของคำว่า “ปฏิรูป” โดยประชาชน ก่อนที่จะมี สปช. (สภาปฏิรูปแห่งชาติ)
สมาชิกของขาหุ้นปฏิรูปพลังงานครั้งนี้จำนวนไม่น้อยเคยออกมาต่อต้านระบอบทักษิณ บางคนเป็นถึงแกนนำขึ้นเวทีปราศรัย และเมื่อทหารยึดอำนาจการปกครอง แต่ละคนต่างก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอ งและจับตาดูการทำงานอย่างเงียบๆ

จนกระทั่งวันหนึ่งพวกเขาพบว่า เหล่ากุนซือ และขุนนางที่ คสช.แต่งตั้งขึ้นคือ กลุ่มคนหน้าเดิมๆ ที่ช่ำชองอยู่กับกิจการพลังงาน และการปั้นตัวเลขทางเศรษฐกิจ โดยคนกลุ่มนี้ได้เข้ามามีบทบาทในการกำหนดทิศทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ เพราะมีวิธีการ “เข้าถึง” ขั้วอำนาจได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าใครจะเข้ามามีอำนาจก็ตาม

เขาระบุอีกว่า ขณะนี้เหล่ากุนซือ และขุนนางได้อาศัยจังหวะที่สังคมกำลังอ่อนแอด้านการตรวจสอบ และการมีส่วนร่วม ใช้อำนาจผ่าน คสช.เดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ในภาคใต้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโครงการที่ทำร้ายชุมชน และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ภาคประชาชนปักษ์ใต้กลุ่มนี้จึงยอมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน โครงการสร้างท่าเรือ และสะพานเชื่อม โครงการสำรวจน้ำมัน
แผนพัฒนาภาคใต้ เต็มไปด้วยที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมทับซ้อนแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งผลิตอาหารของชาวบ้าน (ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
 
สารพัดโครงการที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคนปักษ์ใต้กำลังเดินหน้าอย่างเงียบๆ เพราะมีพลังหนุนเนื่องจากเหล่ากุนซือ และขุนนางอันหิวกระหายกลุ่มนี้ที่ต้องการเห็นภาคใต้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับภาคตะวันออก โดยไม่สนใจวิถีชีวิตอันสุขสงบ และทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของคนปักษ์ใต้

หากผู้นำ คสช.ทบทวน และพิจารณาอย่างรอบคอบก็จะเห็นถึงคำว่า “ปฏิรูป” ที่เคลื่อนมากับขบวนเดินเท้าของภาคประชาชน “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ได้เป็นอย่างดี และแทนที่จะขัดขวางก็เปลี่ยนเป็นเรียนรู้ ซึ่งจะสร้างความคึกคักให้แก่กระบวนการปฏิรูปที่กำลังหงอยเหงาให้มีชีวิตชีวาขึ้น

การศึกษาและเรียนรู้ศาสตร์ “ปฏิรูป” ด้วยสถานการณ์จริง ดีกว่าการระดมนายทหารฝ่ายเสนาฯ ทุกเหล่าทัพ และนักวิชาการนับร้อยๆ มานั่งอ่านเอกสารและสกัดข้อมูลเป็นไหนๆ

ผมเชื่อว่าครั้งนี้ถึง “ขวาง” อย่างไรก็เอาไม่อยู่ เพราะภาคประชาชนใน 11 จังหวัดภาคใต้เขาไม่ยอมให้สารพัดโครงการขนาดใหญ่เหล่านี้เกิดขึ้นหรอก เพราะนั่นมันคือ เดิมพัน “ชีวิต” ของพวกเขา และลูกหลาน

ขณะนี้ คสช.กำลังถูกวิจารณ์เรื่องการแยกมิตรแยกศัตรู ซึ่งในประวัติศาสตร์ของการปฏิวัติรัฐประหารแบบไทยๆ ก็เห็นบทเรียนมาแล้วทุกครั้งว่า เหล่านักธุรกิจ และนักแสวงหากำไรเข้ามาซูฮก สุดท้ายเป็นอย่างไร

การ “ตีโจทย์” ให้แตกเป็นเรื่องสำคัญมาก
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น