พ่อแม่ “น้องปลื้ม” เตือนสติคนขับรถรับส่งนักเรียนต้องระมัดระวัง

นครศรีธรรมราช - ตำรวจเผยได้คุมตัวผู้ขับขี่รถยนต์ลืม “น้องปลื้ม” ไว้ในรถจนเสียชีวิตไว้ดำเนินคดี พบรถยนต์คันเกิดเหตุติดฟิล์มทึบจนไม่สามารถมองความเคลื่อนไหวจากภายนอกได้ แม้จะเป็นทางเดินผ่านของตำรวจในโรงพัก ขณะที่พ่อแม่ “น้องปลื้ม” เตือนสติผู้ขับขี่รถรับส่งนักเรียนต้องรับผิดชอบ เพิ่มความระมัดระวัง แนะโรงเรียนเด็กไม่มาเรียนต้องติดตาม

หลังจากเหตุการณ์ผู้ขับขี่รถรับส่งนักเรียน ได้ลืม ด.ช.รณกร นาคพันธ์ อายุ 4 ขวบ นักเรียนอนุบาล 2 ทิ้งไว้ในรถ แล้วปิดล็อกประตูรถจอดกลางแดดไว้ที่หน้า สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช จนรู้ตัวอีกครั้งพบว่า ด.ช.รณกร ได้เสียชีวิตในรถแล้ว จนเป็นข่าวเศร้าสลดตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

วันนี้ (22 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู ผกก.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ให้มีการควบคุมตัว นายอนุสรณ์ จึงรุ่งเรือง อายุ 37 ปี ผู้ขับชี่และปิดล็อกประตูรถยนต์คันที่เกิดเหตุไว้ในห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา แม้ว่าจะเข้ามาแจ้งความด้วยตนเอง และยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาก็ตาม ขณะที่รถยนต์คันที่เกิดเหตุยังถูกตรวจยึดเป็นของกลางโดยยังคงจอดอยู่ที่บริเวณข้างที่ทำการ สภ.ตรงข้ามบ้านพัก พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู ผกก. สภ.ชะอวด

ซึ่งจากการตรวจสอบภายนอกพบว่า รถยนต์คันนี้ได้ติดฟิล์มกรองแสงจนทึบไม่สามารถมองทะลุกระจกเข้าไป ขณะที่กระจกหน้าได้ติดฟิล์มปรอทอยู่ในสภาพทึบแสง ภายนอกมองเข้าไปภายในตัวรถได้อย่างลำบาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายระบุตรงกันว่า แม้จะเดินผ่านตลอดทั้งวันกลับไม่สามารถสังเกตเห็นได้เลยว่ามีเด็กอยู่ในรถจนกระทั่งเจ้าของมาแจ้งความ

พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู ผกก.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายอนุสรณ์ จึงรุ่งเรือง อายุ 37 ปีผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นความผิดซึ่งหน้าแม้ว่าจะเข้ามาแจ้งความเอง และไม่ได้หลบหนี โดยในการสอบสวนนั้นผู้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยเฉพาะข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย กระบวนการสอบสวนเป็นไปอย่างไม่ซับซ้อนเนื่องจากผู้ต้องหาให้ความร่วมมืออย่างดีมากในทุกขั้นตอน

“ส่วนของสำนวนนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากต้องรอผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหา จึงจะสามารถสรุปสำนวนได้ ซึ่งในส่วนของผู้ต้องหาได้ยื่นความจำนงขอประกันตัวแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน และหากไม่มีการประกันตัวพนักงานสอบสวนจะฝากขังภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนความรับผิดทางอาญานั้น ผู้ต้องหาจะต้องว่าไปตามกระบวนการ ส่วนทางแพ่งนั้นพบว่า ทางผู้ต้องหาพร้อมที่จะรับผิดชอบอย่างไม่มีข้อแม้” ผกก.สภ.ชะ อวดกล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวทางโรงเรียนอนุบาลพรอุดม ผู้บริหาร และครุอนุบาลต่างช็อก และเศร้าสลดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ชั้นอนุบาล 2 ซึ่งเป็นชั้นเรียนของน้องปลื้ม อุปกรณ์การเรียน เครื่องใช้ต่างๆ ของน้องปลื้ม ได้ถูกเก็บ และส่งมอบให้แก่ครอบครัวของน้องปลื้มแล้ว ส่วนเพื่อนๆ ของน้องปลื้มนั้นต่างเข้าใจว่าน้องปลื้มได้จากไปเป็นเทวดาบนสวรรค์ตามความเข้าใจของเด็กๆ

 
น.ส.กชมน พิชัยยุทธ ครูประจำชั้นอนุบาล 2 เปิดเผยว่า น้องปลื้ม เป็นเด็กที่เรียนรู้เร็ว อัธยาศัยดีและทำงานได้อย่างเรียบร้อยสวยงาม ยอมรับความคิดเห็นของเพื่อน และครู หากทำงานผิดพลาดจะแก้ไขได้ดีกว่าเดิมเสมอ เพื่อนๆ ทราบข่าวของน้องปลื้มต่างแสดงความเห็นของแต่ละคนว่าน้องปลื้ม ได้ไปแล้ว และไปอยู่บนสวรรค์เป็นเทวดาแล้ว ยิ่งทำให้คุณครูที่รู้จักน้องปลื้มกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ขณะที่บรรยากาศการบำเพ็ญกุศลศพของน้องปลื้ม หรือ ด.ช.รณกร นาคพันธ์ อายุ 4 ขวบ ครอบครัวได้นำหีบศพของน้องปลื้มซึ่งเดิมตั้งอยู่ในบ้านเลขที่ 22/3 ม.9 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้ถูกย้ายนำออกมาตั้งบริเวณลานหน้าบ้าน และเริ่มมีการตกแต่งสถานที่ ตั้งโรงครังหุงหาอาหารเลี้ยงแขกที่เข้ามาร่วมงาน ขณะที่มีผู้บริหารระดับสูงของเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารโรงเรียนเอกชนหลายคน รวมทั้ง นายศักดิ์ชัย ไชยเชื้อ นายอำเภอชะอวด พร้อมด้วยผู้บริหารท้องถิ่นทยอยนำหรีดมาแสดงความเสียใจ และเคารพศพ โดยหน้าที่ตั้งหีบศพนั้นเต็มไปด้วยตุ๊กตาตัวโปรด หนังสือแบบฝึกหัดเขียนอักษรไทย สมุดภาพระบายสี แก้วน้ำ แปรงสีฟันของน้องปลื้ม จัดวางไว้ ส่วนบนหีบศพนั้นได้ตั้งขวดนมที่น้องปลื้มใช้อยู่เป็นประจำตั้งไว้ให้น้องปลื้มเช่นเดิม

นายศักดิ์ระพี และนางพวงเพชร นาคพันธ์ บิดาและมารดาของน้องปลื้ม เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ระบุว่า ผู้ต้องหาได้โทรศัพท์มาแจ้งด้วยตัวเอง โดยได้กล่าวขอโทษถึงความผิด และขอชดใช้ทุกอย่างที่สามารถทำได้ นายศักดิ์ระพี ยังกล่าวเพิ่มอีกว่า บทเรียนครั้งนี้เกิดขึ้นต่อครอบครัวของตนเองอย่างใหญ่หลวง ขอให้เป็นบทเรียนแก่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อเด็กนักเรียน ควรเพิ่มความระมัดระวังให้ถึงที่สุด เหมือนกับเด็กๆ เหล่านั้นเป็นลูกของตัวเอง ขณะที่ นางพวงเพชร ได้กล่าวเพิ่มเติมทั้งนำตาว่า สิ่งที่อยากจะฝากแก่ทุกโรงเรียนที่มีเด็กเล็ก คือหากนักเรียนหายไปไม่มาเรียนคุณครูควรที่จะติดต่อกับผู้ปกครองโดยทันที เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้ที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับใครอีก