สถานีเพาะชำตรังขาดกล้าไม้หนัก หลัง คสช.รณรงค์ปลูกป่าทั่วประเทศ

ตรัง - สถานีเพาะชำในจังหวัดตรัง ขาดกล้าไม้หนัก หลังคณะ คสช.รณรงค์ปลูกป่าทั่วประเทศ ส่งผลให้หลายหน่วยงานสั่งกล้าไม้ไปปลูกเป็นจำนวนมาก เผยทางสถานีสามารถผลิตกล้าได้ปีละเพียง 200,000 ต้น และต้นกล้าบางชนิดต้องใช้เวลาเพาะชำถึง 1 ปี จึงส่งผลให้ต้นกล้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ

วันนี้ (22 ก.ค.) นายยงยศ หยงสตาร์ หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดตรัง สังกัดสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 นครศรีธรรมราช กรมป่าไม้ กล่าวว่า ผลจากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้ความสำคัญต่อนโยบายดูแลทรัพยากรป่าไม้ จึงส่งผลต่อกระแสของการอนุรักษ์ที่เกิดขึ้นในทั่วประเทศ ทำให้หลายภาคส่วนสั่งผลิตกล้าไม้เพื่อนำไปปลูกกันเป็นจำนวนมาก จนทางสถานีไม่สามารถเพาะชำได้ทันต่อความต้องการ แถมยังมีคิวยาวต่อเนื่องกันไปจนถึงปีงบประมาณ 2558 แล้ว

ทั้งนี้ ปกติสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดตรัง จะสามารถผลิตกล้าไม้ได้ประมาณปีละ 200,000 ต้น โดยยังต่ำกว่าความต้องการอีกมาก ถึงแม้จะมีหน่วยงานต่างๆ จัดสรรงบประมาณมาช่วยเหลือในอัตรากล้าไม้ขนาดเล็กต้นละ 2.79 บาท และกล้าไม้ขนาดใหญ่ต้นละ 7 บาทก็ตาม เนื่องจากมีทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์ในการผลิตกล้าไม้ที่จำกัด นอกจากนั้น กว่าที่กล้าไม้บางชนิดจะสามารถนำไปปลูกลงดินได้ยังต้องใช้ระยะเวลาเพาะชำค่อนข้างนาน คือ ตั้งแต่ 6 เดือน ไปจนถึง 1 ปี

โดยเฉพาะกล้าไม้ที่กำลังมีความต้องการสูงในขณะนี้ เช่น พะยูง ยางนา ตะเคียน สัก สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดตรัง สามารถผลิตได้จำนวนไม่มาก จึงต้องทยอยกันส่งมอบให้แต่ละหน่วยงานแบบเฉลี่ยๆ กันไป พร้อมทั้งจัดสรรกล้าไม้ชนิดอื่นที่ใช้เวลาเพาะชำไม่นาน ปลูกง่าย และโตเร็วไปให้ทดแทน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกล้าไม้ประจำถิ่น เช่น กฤษณา หลุมพอ พะยอม ยางนา มะฮอกกะนี กระถินเทพา เป็นต้น โดยจะช่วยให้สภาพป่าไม้ตามธรรมชาติกลับคืนมาสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง