ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตร.รวบ 2 คนร้ายก่อเหตุอุ้มหนุ่มวัย 26 ลูกเจ้าของอู่ชื่อดังเมืองหาดใหญ่ พร้อมแฟนสาวไปขังไว้ในขนำใน อ.ควนเนียง พร้อมกับเรียกค่าไถ่อีก 4 ล้าน โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมทั้ง 2 ในแมนชันขณะหลบหนีกบดานที่กรุงเทพฯ ด้านผู้ต้องหาเผยร่วมมือกับพวกอีก 3 คน ที่ยังหลบหนีอยู่ก่อเหตุ โดยได้ส่วนแบ่งจากค่าไถ่ 50,000 บาทเท่านั้น
วันนี้ (8 ก.ค.) พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จ.สงขลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีที่ 5 คนร้าย ใช้รถยนต์ 2 คันอุ้มตัว นายนพดล หรือเอ ว่องทิพากร อายุ 26 ปี ลูกชายเจ้าขออู่มนัสการาจ ใน อ.หาดใหญ่ และ น.ส.ณัฐปภัทร์ หรือนุ๊ก ศิริตันนานนท์ อายุ 26 ปี เพื่อนสาวไปเรียกค่าไถ่ 4 ล้านบาท และนำตัวทั้ง 2 คนไปกักขังไว้ในขนำพื้นที่ อ.ควนเนียง จ.สงขลา และญาติได้ต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท และคนร้ายได้ปล่อยตัวทั้ง 2 คน ออกมาอย่างปลอดภัย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้เสียหาย และญาติได้เข้าแจ้งความในภายหลัง
พล.ต.ต.เอกภพ กล่าวว่า คดีนี้ได้สั่งการให้ตำรวจหลายชุด ทั้ง พ.ต.อ.ประพัตร์ ศรีอนันต์ ผกก.สภ.คอหงส์ พ.ต.ท.ดุสิต พรหมสินธุ์ รอง ผกก.กก.สส.ภ.จ.สงขลา เร่งติดตามจับกุมคนร้าย และเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับแล้วทั้ง 5 คน โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คน ประกอบด้วย นายเสกสรรค์ หรือเพียว นาคประดิษฐ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 201 ถนนเรืองฤทธิ์จรูญ ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล และนายนัสรุตต์ หรือ คิว จินดารัตน์ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/38 หมู่ 9 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา
ซึ่งทั้ง 2 คนถูกจับกุมได้บริเวณภายในล็อบบี้ วงศ์เจริญ แมนชั่น ถนนลาดพร้าว ซอย 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ ขณะหลบหนีขึ้นไปกบดานที่กรุงเทพฯ และเจ้าหน้าที่ได้ประสานกับ พ.ต.ท.เอกภพ มุสิกปักษ์ สว.กก.สส.ภ.จ.สงขลา เข้าจับกุม และนำตัวมาสอบสวนรวมทั้งทำแผนชี้จุดการเรียกค่าไถ่ และยังยึดสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 2 เส้น ตลับใส่ทองห้างทองศรีมงคล 2 ตลับ สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโรบินสัน ของนายเสกสรร 1 เล่ม นาฬิกายี่ห้อ จีช็อก สีดำ 1 เรือน ไว้เป็นของกลางด้วย ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ถูกส่งฟ้องไปแล้ว
พล.ต.ต.เอกภพ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายธนัท หรือโอ สิงหเสนี และนายดำ ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล กับผู้หญิงอีก 1 คน ซึ่งทั้ง 3 คนยังหลบหนีอยู่ ได้จับตัวนายนพดล พร้อมเพื่อนสาวไปเรียกค่าไถ่จริง แต่ได้ส่วนแบ่งเพียงคนละ 50,000 บาทเท่านั้น ที่เหลือผู้ต้องหาอีก 3 คนเอาไป ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือเจ้าหน้าที่กำลังเร่งหาเบาะแสเพื่อติดตามจับกุม