xs
xsm
sm
md
lg

ทน.ภูเก็ตจับมือเอกชนลงนามองค์กรต้นแบบขับขี่ปลอดภัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เทศบาลนครภูเก็ต จับมือภาครัฐ เอกชน ลงนามองค์กรต้นแบบ “ขับขี่ปลอดภัยห่วงใยคนในองค์กร” เพื่อสร้างจิตสำนึกการขับขี่ปลอดภัย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (1 ก.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 3 เทศบาลนครภูเก็ต ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงองค์กรต้นแบบ “โครงการขับขี่ปลอดภัย ห่วงใยคนในองค์กร” เรื่อง ร่วมเสริมสร้างมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนจังหวัดภูเก็ต ระหว่างเทศบาลนครภูเก็ต สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาภูเก็ต และบริษัท โอดี้นิวส์ จำกัด โดยมี นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธี และมี น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต นายไพฑูลย์ ศิลปะวิสุทธิ์ ผู้จัดการสาขาอาวุโส บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาภูเก็ต พ.ต.ท.วิสุทธิ์ เคร่งจริง รอง ผกก.จราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต และนายสมบัติ แซ่เล้า กรรมการผู้จัดการ บริษัทโอดี้ นิวส์ จำกัด ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว

น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันรถจักรยานยนต์ในจังหวัดภูเก็ต มีจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด หากผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างถูกวิธี สิ่งที่ตามมาคือ อุบัติเหตุ ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน จากการเก็บสถิติของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาภูเก็ต อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต เมื่อปี พ.ศ.2556 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจำนวนประมาณ 7,000 ราย และมีผู้เสียชีวิต จำนวน 97 ราย ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากรถจักรยานยนต์เพียงอย่างเดียว และในปี พ.ศ.2557 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2557-เดือนมิถุนายน 2557 มีผู้เสียชีวิต จำนวน 46 ราย บาดเจ็บ 3,000 ราย ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการตายที่ค่อนข้างสูง หากไม่มีการสร้างวินัยจราจรให้แก่ผู้ขับขี่

น.ส.สมใจ กล่าวอีกว่า ทางเทศบาลได้ให้ความสำคัญในการสร้างความปลอดภัยให้แก่เยาวชน และประชาชนโดยการจัดอบรมขับขี่ปลอดภัย สร้างวินัยจราจร อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และเพื่อให้องค์กรของเทศบาลได้เป็นต้นแบบในการ “ขับขี่ปลอดภัยห่วงใยคนในองค์กร” เทศบาลนครภูเก็ต จึงได้ร่วมกับ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต และบริษัทโอดี้นิวส์ จำกัด จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือขึ้นดังกล่าว เพื่อสร้างจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัยให้แก่คนในองค์กร ตลอดจนเพื่อเป็นการร่วมมือกับภาคประชาชนในการรณรงค์การลดอุบัติเหตุต่อไป

ด้าน นายไพฑูลย์ ศิลปะวิสุทธิ์ ผู้จัดการสาขาอาวุโส บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาภูเก็ต กล่าวด้วยว่า กิจกรรมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้นั้น สืบเนื่องจากจังหวัดภูเก็ต มีแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีอัตราการบาดเจ็บ และเสียชีวิตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ร้อยละ 70-75 ของผู้เสียชีวิต เป็นกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน และเยาวชน ส่วนสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต คือ การบาดเจ็บที่ศีรษะอันเกิดจากการไม่สวมหมวกนิรภัยในขณะขับขี่

การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจรของจังหวัดภูเก็ต จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น และต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักให้แก่พนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ในสถานประกอบการ หรือหน่วยงานต่างๆ ให้มีอัตราการสวมหมวกนิรภัยเพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 20 เปอร์เซ็นต์

ดังนั้น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดภูเก็ต จึงร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ได้แก่ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาภูเก็ต และบริษัท โอดี้นิวส์ จำกัด กำหนดจัดกิจกรรมองค์กรต้นแบบ “โครงการขับขี่ปลอดภัย ห่วงใยคนในองค์กรขึ้น” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางถนนภายในองค์กร และสร้างจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัย โดยได้เลือกเทศบาลนครภูเก็ต เป็นองค์กรต้นแบบในการนำร่องกิจกรรมภายใต้โครงการฯ ดังกล่าว

ขณะที่ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การร่วมมือกันของ 4 ภาคีเครือข่ายดังกล่าว เพื่อร่วมกันรณรงค์ลดการเกิดอุบัติเหตุทุกประเภท ซึ่งในระดับจังหวัดทุกหน่วยงานก็ได้มีการรณรงค์กันมาโดยตลอด แต่ความเสี่ยงก็ไม่ได้ลดลง ทั้งนี้ เป็นเพราะผู้ใช้รถใช้ถนนขาดจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัย ในการขับขี่มอเตอร์ไซค์นั้น หัวใครก็หัวท่าน ตัวใครก็ตัวท่าน บ้านใครก็บ้านท่าน องค์กรใครก็องค์กรท่าน ต้องดูแลกันเอง เตือนกันเอง ไม่มีใครช่วยได้ ทุกคนทุกท่านต้องไปบริหารจัดการ และระงับความเสี่ยงกันเอาเอง จากบ้านก็มาดูแลกันในองค์กรอีกที ซึ่งอาจจะมีการกำหนดบทลงโทษจากเบาไปหาหนัก ต้องกดดันต้องกำชับกำชา ใครไม่สวมหมวกนิรภัยไม่ให้มาติดต่อราชการ รวมถึงมาตรการเตือน ปรับ และจับ มาตรการทางกฎหมายจำเป็นต่อคนหมู่มาก ต้องสร้างจิตสำนึกตั้งแต่ครอบครัวถึงโรงเรียน

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น