กระบี่ - ผู้ว่าฯ กระบี่ วอนกรมอุทยานฯ จัดสรรรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมกลับพัฒนาพื้นที่ จากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 50 ระบุที่ผ่านมา จังหวัดต้องควักกระเป๋าช่วยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เผยปี 56 ควักกระเป๋าพัฒนาเอง 14 โครงการ งบเฉียด 40 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จัดเก็บค่าบริการจากนักท่องเที่ยวที่เข้าเที่ยวชมในเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งในเขตพื้นที่จังหวัดกระบี่ มีอยู่จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประบางคราม โดยรายได้ที่จัดเก็บได้จะจัดสรรกลับมาพัฒนา และบำรุงรักษาพื้นที่เพียงร้อยละ 15 ของรายได้ที่อุทยานแห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจัดเก็บได้
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวต่อไปว่า สำหรับเงินรายได้ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดสรรกลับมาให้อุทยานฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าต่างๆ ในจังหวัดกระบี่ ยังไม่เพียงพอต่อการฟื้นฟู ปรับปรุง และพัฒนา รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทำให้แหล่งท่องเที่ยวอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม เมื่อทางจังหวัดได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว ทางจังหวัดไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยได้ โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555-2557 จังหวัดได้สนับสนุนงบประมาณของจังหวัด และกลุ่มจังหวัดในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วน
ที่เข้าไปดำเนินโครงการพัฒนา และแก้ไขปัญหาในเขตพื้นที่อุทยานฯ เป็นจำนวน 14 โครงการ งบประมาณ 38,067,500 ล้านบาท ในขณะที่จังหวัดจะต้องดูแลรับผิดชอบภารกิจอื่นๆ อีกมาก จังหวัดจึงขอให้กรมอุทยานแห่ชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่อุทยานฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้พิจารณาจัดสรรรายได้ที่จัดเก็บได้กลับมาพัฒนาและบำรุงพื้นที่จากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 50 ของรายได้ ที่อุทยานฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจัดเก็บได้ในพื้นที่จังหวัดกระบี่
จากสถิติปี 2556 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า รวม 4 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ กว่า 370,000 คน สามารถจัดเก็บรายได้ จำนวน 29,576,600 ล้านบาท แต่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้จัดสรรรายได้ดังกล่าวกลับพัฒนาบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในแต่ละพื้นที่เพียงร้อยละ 15 หรือประมาณ 4,436,450 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่จัดเก็บได้ และจัดสรรกลับมาพัฒนาพื้นที่ยังไม่เพียงพอต่อการฟื้นฟู และปรับปรุงพื้นที่ในเขตอุทยานฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นทุกปี เพื่อให้การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ดังกล่าวสามารถรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น เพียงพอ และเป็นธรรม จะเอื้อประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวของจังหวัด ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนับสนุนงบประมาณที่จัดเก็บได้ จากร้อยละ 15 เป็น ร้อยละ 50 เพื่ออุทยานฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะได้นำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังเสื่อมโทรม รองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น