ปัตตานี - ผบ.กองร้อยทหารพราน 4211 พร้อมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ชี้แจงชาวบ้านเหตุคนร้ายยิงชาวบ้านดับ 1 เจ็บอีก 1 บริเวณหน้ามัสยิดบ้านท่าม่วง จ.ปัตตานี เผยมิใช่มีเป้าหมายในการโจมตีมัสยิดดังที่เป็นข่าว แต่คนร้ายมุ่งสังหาร “นายรอนิง โต๊ะหัวเมือง” เป็นหลัก และมิใช่เป็นการกระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐดังที่ประชาชนในพื้นที่ตั้งข้อสงสัย
วันนี้(30 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนสงคราม กราดยิงใส่มัสยิดบ้านท่าม่วง ม.2 ต.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนในพื้นที่อย่างกว้างขวาง ดังนั้นเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานรัฐในพื้นที่ต้องรีบทำความเข้าใจให้กับประชาชนเพื่อไม่ให้ถูกผู้ไม่หวังดีใช้เป็นเครื่องโจมตี และบิดเบือนในเชิงข้อมูลข่าวสาร
ในวันเดียวกันเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา ร.อ.ชัยวัฒน์ ชุ่มเชื่อ ผบ.กองร้อยทหารพราน 4211 รับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุนำกำลังพร้อมฝ่ายปกครอง กำนัน รองนายกเทศบาลตำบลปะนาเระ มาพบปะกับชาวบ้านเพื่อร่วมกันชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ไม่ใช่เป็นการกราดยิงใส่มัสยิดตามที่เป็นข่าว เพราะจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิง นายรอนิง โต๊ะหัวเมือง ก่อนที่จะไล่ยิงซ้ำ หลังจากนายรอนิงพยายามหลบหนีขึ้นมัสยิด คนร้ายจึงกราดยิงใส่จนเป็นเหตุมัสยิดได้รับความเสียหาย จึงทำให้ชาวบ้านเริ่มเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ผบ.กองร้อยทหารพรานฯ ยังได้พยายามชี้แจงการก่อเหตุในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการกระทำของฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือทหารพราน เพราะในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบหัวกระสุนเป็นชนิดเอเค 47 (AK47) ซึ่งไม่มีใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามประชาชนในพื้นที่ยังคงมีความรู้สึกว่าเป็นการกระทำของฝ่ายเจ้าหน้าที่ เนื่องจากผู้เสียหายไม่ได้มีปัญหาโกรธเคืองกับใครมาก่อน และยังเป็นที่รักของชาวบ้าน เป็นบุคคลที่ชาวบ้านพึ่งพายามมีปัญหาเดือดร้อน นอกจากนั้นชาวบ้านในพื้นที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมในช่วงรอมฎอนมักจะเกิดเหตุยิงผู้นำศาสนาอิสลาม หรืออีหม่ามมัสยิด เพราะนายรอนิง นอกจากดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ยังมีกระแสข่าวว่าชาวบ้านยังขอร้องให้ดำรงตำแหน่งเป็นบีล่าลประจำมัสยิดอีกด้วย
วันนี้(30 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนสงคราม กราดยิงใส่มัสยิดบ้านท่าม่วง ม.2 ต.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนในพื้นที่อย่างกว้างขวาง ดังนั้นเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานรัฐในพื้นที่ต้องรีบทำความเข้าใจให้กับประชาชนเพื่อไม่ให้ถูกผู้ไม่หวังดีใช้เป็นเครื่องโจมตี และบิดเบือนในเชิงข้อมูลข่าวสาร
ในวันเดียวกันเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา ร.อ.ชัยวัฒน์ ชุ่มเชื่อ ผบ.กองร้อยทหารพราน 4211 รับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุนำกำลังพร้อมฝ่ายปกครอง กำนัน รองนายกเทศบาลตำบลปะนาเระ มาพบปะกับชาวบ้านเพื่อร่วมกันชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ไม่ใช่เป็นการกราดยิงใส่มัสยิดตามที่เป็นข่าว เพราะจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิง นายรอนิง โต๊ะหัวเมือง ก่อนที่จะไล่ยิงซ้ำ หลังจากนายรอนิงพยายามหลบหนีขึ้นมัสยิด คนร้ายจึงกราดยิงใส่จนเป็นเหตุมัสยิดได้รับความเสียหาย จึงทำให้ชาวบ้านเริ่มเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ผบ.กองร้อยทหารพรานฯ ยังได้พยายามชี้แจงการก่อเหตุในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการกระทำของฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือทหารพราน เพราะในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบหัวกระสุนเป็นชนิดเอเค 47 (AK47) ซึ่งไม่มีใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามประชาชนในพื้นที่ยังคงมีความรู้สึกว่าเป็นการกระทำของฝ่ายเจ้าหน้าที่ เนื่องจากผู้เสียหายไม่ได้มีปัญหาโกรธเคืองกับใครมาก่อน และยังเป็นที่รักของชาวบ้าน เป็นบุคคลที่ชาวบ้านพึ่งพายามมีปัญหาเดือดร้อน นอกจากนั้นชาวบ้านในพื้นที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมในช่วงรอมฎอนมักจะเกิดเหตุยิงผู้นำศาสนาอิสลาม หรืออีหม่ามมัสยิด เพราะนายรอนิง นอกจากดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ยังมีกระแสข่าวว่าชาวบ้านยังขอร้องให้ดำรงตำแหน่งเป็นบีล่าลประจำมัสยิดอีกด้วย