xs
xsm
sm
md
lg

ประชาชนร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ “พระศีลมงคล” อดีตเจ้าอาวาสวัดสำเภาเชย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัตตานี - ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมงานพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระศีลมงคล (อินทอง สีลสวณโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสำเภาเชย อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี

วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่วัดสำเภาเชย หมู่ที่ 2 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระศีลมงคล (อินทอง สีลสวณโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสำเภาเชย อดีตเจ้าคณะตำบลปะนาเระ อดีตเจ้าคณะอำเภอปะนาเระ และอดีตที่ปรึกษากิตติมศักดิ์เจ้าคณะอำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี โดยมี พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นราธิวาส สงขลา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ รวมถึงประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

พระศีลมงคล (อินทอง สีลสวณโณ) มีนามเดิม ทอง หรือ อินทอง ศรีชาติ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2461 ณ บ้านเลขที่ 5 หมู่ 3 ต.ดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี บิดาชื่อ นายสีคง ศรีชาติ มารดาชื่อ นางแมะ ศรีชาติ บรรพชาสามเณร เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2477 ณ วัดดอนตะวันออก ต.ดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี กระทั่งอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ จึงเข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดดอนตะวันออก เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2482 มีพระครูวิธานวัตต์ (คง) เจ้าอาวาสวัดสำเภาเชยในขณะนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวุฒิชัยธรรมธาดา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูพิพัฒน์สมณกิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูพิพัฒน์สมณกิจ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สีลสุวัณโณ แปลว่า ผู้มีศีลงดงามดั่งทอง

และเมื่อ พ.ศ.2487 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสำเภาเชย จนถึงปี พ.ศ.2494 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเจ้าคณะตำบล พ.ศ.2497 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร มีราชทินนามว่า พระครูพินิตนรัญญู ปี พ.ศ.2509 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอปะนาเระ จนถึง พ.ศ.2543 เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ เจ้าคณะอำเภอปะนาเระ พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศีลมงคล

งานด้านการศึกษา หลวงปู่ทอง สนับสนุนส่งเสริมเต็มที่ โดยบริจาคให้ที่ดินจัดตั้งโรงเรียนวัดสำเภาเชย ซึ่งทำการสอนในระดับมัธยมศึกษา ม.1-ม.3 (ป.5-ป.7 เดิม) ตั้งแต่ พ.ศ.2499 ปัจจุบัน ได้ยุบรวมกับโรงเรียนบ้านปะนาเระ ต่อมา ก็จัดตั้งโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรม ประจำศาสนศึกษาขึ้นในวัดสำเภาเชย แผนกธรรมประจำสนามสอบวัดสำเภาเชย อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี

ในฐานะเจ้าอาวาสวัดสำเภาเชย ได้พัฒนาวัดโดยจัดสร้างอาคารเสนาสนะต่างๆ ภายในวัด เช่น อุโบสถ หอฉัน ศาลาอเนกประสงค์ ศาลาที่พัก ซุ้มประตู และกำแพงวัด ปรับบริเวณสถานที่ให้มีความร่มรื่น สวยงาม จนได้รับการยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง จากกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ.2525 และเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่นในปี พ.ศ.2544

นอกจากนี้ คือ สร้างอุโบสถวัดโพธาราม สร้างตึกสงฆ์หลวงปู่ทวด ในโรงพยาบาลปะนาเระ สร้างอุโบสถวัดดอนตะวันออก สร้างอาคารอเนกประสงค์ หมู่ที่ 4 บ้านคลองต่ำ ตำบลปะนาเระ ฯลฯ รวมทั้งเพื่อให้พระภิกษุสามเณรมีกำลังใจ ท่านก็ให้ทุนการศึกษา แก่พระภิกษุสามเณรที่ไปศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ที่กรุงเทพมหานคร เป็นเวลากว่า 10 ปี และก็ยังทำอย่างต่อเนื่อง

หลวงปู่ทอง ยังเป็นพระเกจิชื่อดังแห่งเมืองใต้ เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลมากมาย เช่น พระบูชา พระเนื้อว่านหลวงปู่ทวด พระกริ่ง เหรียญ ตะกรุด ฯลฯ วัตถุมงคลต่างๆ มีทั้งที่ท่านจัดสร้างเอง รวมทั้งคณะศิษยานุศิษย์จัดสร้าง วัตถุมงคลที่ผ่านการปลุกเสกจากท่านล้วนแต่มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้าน แต่ด้วยอายุกาลล่วงเข้าสู่วัยชราภาพ ทำให้หลวงปู่ทอง มีอาการอาพาธไปตามวัย กระทั่งเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2554 หลวงปู่ทอง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ ด้วยโรคชราอ่อนเพลีย เป็นเวลานานนับเดือนแล้ว จนอาการดีขึ้นจึงออกจากโรงพยาบาล

ก่อนที่หลวงปู่ทอง จะมีอาการอาพาธทรุดหนักลง ต้องกลับเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน กระทั่งวันที่ 26 เมษายน 2554 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลวงปู่ทอง ละสังขารอย่างสงบ ด้วยวัย 94 ปี พรรษา 76 จากสาเหตุเลือดออกในสมอง เนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตก

 
 



กำลังโหลดความคิดเห็น