ตรังเร่งฟื้นฟูเกาะลิบง หลังถูกคลื่นลมกระหน่ำหนัก พร้อมประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ

ตรัง - ส่วนปกครองตรัง เร่งฟื้นฟูเกาลิบงหลังได้รับผลกระทบจากคลื่นลมแรงมีขนาดสูงกว่า 2 เมตร ซัดถล่มชายฝั่ง พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพแก่ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เผยโดยรวมมีมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท และได้ประกาศพื้นที่ทั้งเกาะเป็นเขตประสบภัยพิบัติ อีกทั้งได้อพยพชาวบ้านจำนวน 8 หลังคาเรือน ไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย

หลังเกิดคลื่นลมแรงซัดถล่มหลายจังหวัดฝั่งอันดามัน ล่าสุด วันนี้ (20 มิ.ย.) ส่วนปกครองตรังได้สั่งการให้เร่งช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ประสบภัยชาวตำบลเกาะลิบง อ.กันตัง ที่ได้รับผลกระทบ 3 หมู่บ้าน 22 หลังคาเรือน จากผลกระทบคลื่นลมแรงสูงมากกว่า 3 เมตร ซัดเข้าหาฝั่ง จนสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนหลายพื้นที่นั้น

ซึ่งหลายหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดตรัง เช่น เหล่ากาชาดจังหวัดตรัง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง และ อบต.เกาะลิบง ได้ลงตรวจสอบและช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวตำบลเกาะลิบง อ.กันตัง ทางแผ่นดินใหญ่ที่บ้านหาดยาว จำนวน 3 หมู่บ้าน รวมทั้งลงเรือไปมอบถุงยังชีพ และมอบกระเบื้องมุงหลังคาช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยทางทะเล ที่บริเวณบ้านหลังเขา หมู่ที่ 5 ต.เกาะลิบง อีก 3 หมู่บ้าน รวมผู้ประสบภัยทั้งหมด 6 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ 1, 2, 3, 5, 7, 8 จำนวน 22 หลังคาเรือน

โดยแบ่งเป็นผู้ประสบวาตภัยในระดับขั้นรุนแรง ถูกลมพายุพัดพาหลังคาบ้านพักอาศัยได้รับความหาย เฉลี่ยหลังละ 20 แผ่น จำนวน 19 หลังคาเรือน ประเภทผู้ประสบอุทกภัยจากการเกิดคลื่นขนาดใหญ่ ประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูงไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน จนอุปกรณ์เครื่องมือทำประมงได้รับความเสียหาย และสูญหาย เช่น อวน และเรือ จมหาย จำนวน 2 ลำ มีถนนพังเสียหายใช้การไม่ได้ จำนวน 1 สาย และมีเขื่อนป้องกันตลิ่งพังเสียหายจากแรงปะทะของคลื่นขนาดใหญ่จนใช้การไม่ได้ จำนวน 1 เขื่อน

ส่วนความเสียหายอย่างเป็นทางการยังอยู่ระหว่างการประเมิน แต่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ดังนั้น จังหวัดตรัง จึงได้ประกาศให้พื้นที่ทั้งหมดของเกาะลิบง เป็นเขตประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว พร้อมจะเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นจะให้ทาง อบต.หาผู้รับเหมาดำเนินการนำไม้มาตอกเสาเข็ม พร้อมนำกระสอบทรายบรรจุถุงเพื่อนำมาเสริมตามแนวเขื่อนเดิมที่ได้รับความเสียหายประมาณ 500 เมตร เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนการซ่อมเขื่อนที่พังเสียหายนั้น จะนำไปหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาจัดหางบประมาณดำเนินการซ่อมแซมต่อไป ส่วนชาวบ้าน จำนวน 8 หลังคาเรือน ที่มีบ้านเรือนเสี่ยงจะถูกคลื่นซัดพังทลายนั้น จะให้อพยพย้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัยในทุกๆ ครั้งที่เกิดคลื่นลมแรง