พังงา - หอการค้าพังงา ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เตรียมจัดงานแสดงสินค้า “SMEs ของดีภาคใต้” 10-18 มิ.ย.2557 ณ. ริมคลองพังงา เพื่อส่งเสริมให้เกิดรายได้แก่ชาวพังงา และภาคใต้
นายชัยวัฒน์ ศิรินุพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย และนายวิทวัส ล่ำชำ รองผู้อำนวยการสำนักประสานและบริหารโครงการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และนายสุทธิโชค ทองชุมนุม ประธานหอการค้าจังหวัดพังงา ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานแสดงสินค้า “SMEs ของดีภาคใต้” ในระหว่างวันที่ 10-18 มิ.ย.57 ณ ริมคลองพังงา โดยมีคณะสื่อมวลขน และผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมรับฟังอย่างพร้อมเพรียงกัน ณ ร้านอาหารพังงาวิวพ้อยท์ อ.เมืองพังงา
นายสุทธิโชค ทองชุมนุม เปิดเผยว่า ภายในงานนอกจากมีผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ภาคใต้นำสินค้าของตนมาแสดง และจำหน่ายแล้ว ยังมีการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร และผลงานของหอการค้าจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนสาขาต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ กิจกรรมการอบรมให้ความรู้โดยวิทยากร และผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น การบรรยายพิเศษเรื่อง “อนาคตSMEsไทยต่อการก้าวสู่เวทีโลก” โดย นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) การเสวนาเรื่อง “SMEs แผนธุรกิจสู่ตลาดสากล” กิจกรรม “การมอบป้ายของดีจังหวัด” ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในด้านสินค้า และการรับรองคุณภาพเพื่อให้เป็นที่รองรับ และเชื่อถือในมาตรฐานของสินค้าและบริการ
ด้านนายวิทวัส ล่ำชำ กล่าวว่า ในการจัดงานแสดงสินค้าครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในโครงการทั้งหมดที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.). ร่วมกับหอการค้าไทย บูรณาการความร่วมมือกันภายใต้กิจกรรมการพัฒนาช่องทางการตลาด ด้วยการจัดงานแสดงสินค้าขึ้นภายในประเทศ โดยความร่วมมือของหอการค้าจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้จัดแบ่งพื้นที่ดำเนินงานเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กลุ่มพื้นที่ภาคใต้ชายแดน และกลุ่มพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งจังหวัดพังงา จัดอยู่ในกลุ่มพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย 5 จังหวัดคือ ระนอง ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และพังงา
สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดพังงา ส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้ การพัฒนาทักษะ ก่อเกิดเป็นความคิดสร้างสรรค์ ในการนำวัตถุดิบที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่น โดยนำมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมา เป็นการส่งเสริมด้านการตลาด และการพัฒนาช่องทางในการจำหน่ายสินค้าในประเทศ และเพิ่มโอกาสนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดต่างประเทศต่อไป นอกจากนี้ เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นแก่เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน อันจะเป็นการสร้างความเจริญเติบโต และทำให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจชาติต่อไป และคาดว่าการจัดงานแสดงสินค้าครั้งนี้ จะสามารถทำให้ผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมงาน จะมียอดจำหน่ายหรือมีคำสั่งซื้อสินค้ารวมกันไม่น้อยกว่า 2,000,000 บาท