สตูล - เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เอาจริง! นำเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทหารเรือ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้ารื้อถอนบังกะโลสร้างในพื้นที่ทับอุทยานฯ บนเกาะหลีเป๊ะ อาศัยอำนาจตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานฯ เตรียมตรวจสอบบังกะโลสร้างบุกรุกเพื้นที่เพิ่มเติม ด้านเจ้าของเผยได้รับความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
วันนี้ (4 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา นำเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ตำรวจ ทหารเรือ และฝ่ายปกครองกว่า 30 คน พร้อมอุปกรณ์เข้ารื้อถอนบังกะโล 8 หลัง และบ้านพักคนงานห้องแถว 1 หลัง รวมเป็น 9 หลัง ในพื้นที่ 3 ไร่ ที่อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา บนเกาะหลีเป๊ะ ทางทิศตะวันตก บนเนินภูเขา หมู่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ตามบันทึกประจำวันที่ 12 ลงวันที่ 3 เมษายน 2555 ในคดีอาญา 205/55 โดยทางนายการ์รัล สันบู ที่รับว่าเป็นเจ้าของบังกะโลได้ออกมาดูการเข้ารื้อถอนบังกะโลของทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ในครั้งนี้ด้วย
ด้านนายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวว่า สำหรับการเข้ารื้อถอนบังกะโลในครั้งพบว่า เจ้าของเป็นคนไทยที่ได้เช่าต่อจากนายทุนบนเกาะ และทำการก่อสร้างบ้านพักที่เป็นบังกะโลไว้บนเนินเข้าที่เห็นวิวทางทะเลอย่างสวยงาม และทางอุทยานฯ ได้ทำการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ตรงนี้ประมาณ 3 กว่าไร่ เป็นพื้นที่ป่าอยู่ในความดูแลของชั้นศาล และซึ่งทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ สามารถเข้ารื้อถอนได้ทันที โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504
นายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวอีกว่า สำหรับการรื้อถอนบังกะโลบนเกาะหลีเป๊ะนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก และในส่วนการตรวจสอบรีสอร์ต และบังกะโลต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วมีอยู่ในบัญชีรายชื่อการตรวจสอบแล้ว และบางสถานที่อยู่ในชั้นศาลอยู่ ซึ่งไม่นานก็จะสามารถเปิดเผยได้ ส่วนรีสอร์ตไหนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา หากเจ้าของท่านใดรู้ก็ให้มาแจ้ง และขอการตรวจสอบได้ เพราะถ้าศาลออกหมายรื้อถอนแล้วก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ส่วนในเรื่องของบ้านพักบนเกาะอาดัง ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการชั้นศาลอยู่เช่นกันและยังสรุปไม่ได้
นายการ์รัล สันบู เจ้าของบังกะโลเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ก็ต้องยอมให้ทางเจ้าหน้าที่รื้อถอน เพราะไม่ขอกล่าวอะไรมาก ส่วนความเสียหายบังกะโลตกแล้วหลังละแสนกว่าที่ลงทุนสร้างมา รวมแล้วก็เกือบ 10 ล้านบาท ทั้งค่าแรง ค่าอุปกรณ์ จะต้องสูญไป ในส่วนคดีก็จะมาสู้ต่อไปในชั้นศาลต่อไปอีก
