ตรัง - ชาวบ้านตำบลนาหมื่นศรี แห่แจ้งความดำเนินคดีเอาผิด 13 คณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์นาหมื่นศรี ซึ่งเป็นกลุ่มออมทรัพย์ใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรัง ในข้อหายักยอกทรัพย์ หลังพบเงินสูญหายไปกว่า 9 ล้านบาท พร้อมเตรียมขอหลักฐานการโอนเงิน
วันนี้ (3 มิ.ย.) นายอรุณ ยิ้มสง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นาหมื่นศรี และอดีตกำนันตำบลนาหมื่นศรี ได้นำชาวบ้านที่เป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตตำบลนาหมื่นศรี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.สุวิทย์ เพ็งลำ ร้อยเวรสอบสวน สภ.นาโยง เพื่อให้ดำเนินคดีต่อคณะกรรมการกองทุนออมทรัพย์เพื่อการผลิตตำบลนาหมื่นศรี ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรัง แต่กลับมีการบริหารงานที่ผิดพลาด จนทำให้เงินกลุ่มออมทรัพย์ที่มีอยู่จำนวน 16,603,046 บาท ต้องสูญหายไป จำนวน 9,055,651.50 บาท
ต่อมา พ.ต.อ.เธียร บาลทิพย์ ผกก.สภ.นาโยง ได้เดินทางมารับคดีด้วยตัวเอง พร้อมทั้งได้มีการสอบถามรายละเอียดต่างๆ เบื้องต้นจะมีการตรวจเช็กการเคลื่อนไหวของบัญชีกลุ่มว่า ใครเป็นผู้มีอำนาจเบิกจ่ายเงิน โดยขอดูย้อนหลังไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 พร้อมทั้งจะทำหนังสือเชิญคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์มาชี้แจง เพื่อจะได้ทราบว่ายอดเงินที่สูญหายไปกว่า 9 ล้าน เกิดขึ้นได้อย่างไร จากนั้นได้ประสานไปยัง นายสุภาพ จรเสมอ พัฒนาการอำเภอนาโยง เพื่อขอข้อมูลผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ได้ดำเนินการมาแล้วเสร็จก่อนหน้านี้
พ.ต.อ.เธียร กล่าวว่า เบื้องต้นตนจะรับแจ้งความ โดยให้ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกที่ไม่เคยกู้ เป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความก่อนเป็นชุดแรก เพื่อจะได้นำหลักฐานดังกล่าวใช้ไปเป็นเหตุผลในการข้อสเตตเมนต์จากทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาอำเภอนาโยง ที่ทางกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตตำบลนาหมื่นศรีเปิดบัญชีไว้ว่า ใครมีอำนาจเบิกถอน และมีการถอนเงินออกไปทั้งสิ้นจำนวนเท่าไหร่ รวมทั้งขอสเตตเมนต์ของการเบิกถอนแต่ละครั้งมาเป็นหลักฐาน เนื่องจากมีผู้มาร้องทุกข์ไว้ในข้อหายักยอกทรัพย์
สำหรับคณะกรรมการออมทรัพย์เพื่อการผลิตตำบลนาหมื่นศรี ชุดปัจจุบัน ที่มีจำนวน 13 คน ทางพนักงานสอบสวนจะทำหนังสือเรียกตัวมาให้ปากคำเพื่อหาคนรับผิดชอบ และหากมีการตรวจสอบพบผู้กระทำความผิดจริง ก็จะให้มีการฟ้องแพ่งเพื่ออายัดทรัพย์ต่อไป เนื่องจากขณะนี้มีข่าวลือว่ามีการถ่ายเทเงินบางส่วนเพื่อนำไปซื้อรถ หรือซื้อที่ดิน ขณะที่ นางสุภาพ จรเสมอ พัฒนาการอำเภอนาโยง ระบุว่า ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จะนัดคณะกรรมการกลุ่มทั้ง 13 คน มาประชุมหารือร่วมกันอีกครั้ง