ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คณะการจัดการการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จัดสัมมนา “โอกาสการต่อยอดธุรกิจของผู้ประกอบการไทยสู่อุตสาหกรรมไมซ์” เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต คณะการจัดการการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า จัดสัมมนาหัวข้อ “โอกาสการต่อยอดธุรกิจของผู้ประกอบการไทยสู่อุตสาหกรรมไมซ์” ภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมไมซ์ โดยมีนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน และมีผู้แทนภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการที่เกี่ยวข้องด้านการจัดประชุม และนิทรรศการนานาชาติ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องกับการจัดงานสัมมนาฯ เข้าร่วม
ผศ.ดร.พัทรียา หลักเพ็ชร อาจารย์ประจำคณะการจัดการการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง และมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงกับการเพิ่มของรายได้ด้านการท่องเที่ยวและภาคบริการของประเทศ เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ ที่มีการใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มปกติ 2-3 เท่า แต่ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความหวังในการได้รับการส่งมอบสินค้า และบริการที่มีคุณภาพ ดังนั้น การพัฒนาเครือข่ายของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว จึงเป็นประเด็นสำคัญเพื่อยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมไมซ์ ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัย จากสำนักงบประมาณ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำปี 2557 มีวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องกับนโยบายข้างต้น โดยมุ่งเน้นเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อมในภาคการผลิต การค้า การลงทุน โดยเชื่อมโยงการเติบโตทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการบริการด้านการจัดประชุม และนิทรรศการนานาชาติในเขตพื้นที่จังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ให้มีศักยภาพ โดยมุงเน้นการพัฒนา 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ชลบุรี (พัทยา) ขอนแก่น เชียงใหม่ และภูเก็ต พร้อมสร้างแนวทางการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมและส่งเสริมภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในระดับอื่นๆ ให้เข้าถึงตลาดต่างประเทศมากขึ้น
ด้าน นางนิชาภา ยศวีร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์ เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุม การจัดนิทรรศการ เป็นการดึงเอานักเดินทางต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจผ่านการประชุม หรือว่าการจัดนิทรรศการ นั้น ปัจจุบันมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ 3 เท่าเมื่อเทียบกันกับรายได้ทางการท่องเที่ยวโดยทั่วไป ดังนั้น ถ้าหากว่านักเดินทางสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากก็จะสามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศในอัตราที่สูงมาก
สำหรับจังหวัดภูเก็ต ถือเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมในหลายด้าน ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทาง “ทีเส็บ” ได้ร่วมมือกันกับจังหวัดภูเก็ต ในการจัดตั้งจังหวัดภูเก็ต เป็นไมซ์ซิตี หน้าที่หรือโอกาสของไมซ์ ซิตี มีความหลากหลายมาก อย่างแรก คือ สามารถเป็นพื้นที่ หรือสถานที่รองรับงานต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศจากยุโรป อเมริกา หรือว่าจากเอเชียด้วยกัน ไม่เฉพาะเจาะจงว่างานต่างๆ เหล่านั้นจะต้องไปลงที่กรุงเทพฯ แต่ว่ามาลงที่ภูเก็ต ดังนั้น รายได้ที่จะเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต หรือภาคใต้ก็จะมีเป็นจำนวนมากขึ้น
การพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์มีโครงการอยู่หลายโครงการ ส่วนที่เกี่ยวข้องต่อการพัฒนาโดยตรงจะแบ่งออกเป็นทางด้านตลาด ซึ่งเราเองพยายามดึงเอาตลาดต่างประเทศเข้ามาจัดงานในประเทศไทยมากขึ้น อันนี้เป็นการทำงานอย่างต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เปิด “ทีเส็บ” ขึ้นมา ส่วนที่มีการพัฒนาเป็นรูปธรรมมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้คือ การพัฒนาในด้านบุคลากร มีเรื่องของการนำเอากิจกรรมต่างประเทศ หรือว่าสร้างพันธมิตรต่างประเทศในการที่จะนำองค์ความรู้จากต่างประเทศเข้ามาเพื่อที่จะขยายมาตรฐาน หรือว่าความเข้าใจในการทำงานอย่างเป็นระบบให้แก่ผู้ประกอบการของบ้านเรา อีกส่วนหนึ่งคือ การที่นำเอาเรื่องเกี่ยวกับการจัดทำมาตรฐานสากล โดยที่เราดึงเอาตัว ISO เข้ามา และนำเอา ISO นี้มาส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเพื่อเอาตัวเองเข้าระบบในมาตรฐานสากลเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าต่างประเทศที่มีความสำคัญในการตัดสินใจนำงานมาลงที่ประเทศไทยว่า ถ้ามาที่ประเทศไทย สามารถมาจัดงานได้ มีผู้จัดงาน มีสถานที่จัดงานได้มาตรฐานสากล
“สถานการณ์ปัจจุบันของบ้านเราไม่ว่าจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ใดก็แล้วแต่ ถือว่ามีผลกระทบในเชิงภาคธุรกิจในหลายระดับ แต่ถ้าพูดโดยองค์รวมปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญมากต่ออุตสาหกรรมไมซ์ คือ ความเชื่อมั่นในเรื่องความสงบเรียบร้อยของภาคการเมือง หรือว่าความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของผู้ที่เดินทางเข้ามา ฉะนั้นถ้าหากมีกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ที่สามารถสร้างความมั่นใจตรงนั้นได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี” นางนิชาภา กล่าวในที่สุด